MSC ร่วมกับ IBM Thailand จัดสัมมนา “The Future of IBM Power” เปิดตัว IBM Power 11 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
MSC ร่วมกับ IBM Thailand จัดสัมมนา “The Future of IBM Power” เปิดตัว IBM Power 11 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
โฮมโปร เดินหน้าภารกิจ Net Zero Emissions ร่วมกับภาครัฐ-เอกชน มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เซ็น MOU โครงการ “วิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ” ผลักดันให้ผู้บริโภคใช้พลังงานสะอาด ผ่านการติดตั้งโซลาร์เซลล์ พร้อมเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตเป็นคะแนนโฮมการ์ด แลกรับสินค้า, บริการ และสิทธิประโยชน์มากมายที่โฮมโปร ตั้งเป้ามีผู้เข้าร่วมโครงการฯ กว่า 300 ครัวเรือน แจกคะแนนโฮมการ์ดกว่า 3 ล้านแต้ม
นายนิทัศน์ อรุณทิพย์ไพฑูรย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มทรัพยากรบุคคล และธุรกิจพลังงาน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จากัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก สะท้อนถึงกระแสตื่นตัวของประชาชนและภาคธุรกิจ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change หลายองค์กรมีเป้าหมายสำคัญร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามแนวทางภารกิจ Net Zero Emissions ให้สำเร็จในอนาคต
“โฮมโปร ไม่เพียงเป็นผู้ให้บริการติดตั้งโซลาร์เซลล์ แต่ยังเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด การชดเชยคาร์บอน รวมถึงระบบนิเวศธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โฮมโปรดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ต้นทางการผลิตไปจนถึงปลายทางของการจัดการอย่างถูกวิธี เป้าหมายของเราจึงไม่ได้มีแค่การปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดภายในองค์กร แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมให้ผู้บริโภคทั่วประเทศได้มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน”
ในเดือนมีนาคม 2568 นี้ “โฮมโปร” ได้ประกาศความร่วมมือกับ “มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน” “สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ภายใต้งบประมาณสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “โครงการวิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคธุรกิจ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานสะอาด โดยใช้แพลตฟอร์มตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ เพื่อติดตามข้อมูลการผลิตพลังงานจากโซลาร์เซลล์ พร้อมวัดผลปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของแต่ละครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งโครงการฯ นี้ ช่วยให้โฮมโปรเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้ในระยะยาว โดยครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถนำ Carbon Credit 1 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ 2,059 หน่วย (Khw) มาแลกเป็นคะแนนโฮมการ์ด 1,900 คะแนน เพื่อใช้คะแนนเป็นส่วนลดสำหรับสินค้าและบริการ รวมถึงแลกสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่โฮมโปร และเมกาโฮม ทั่วประเทศ
“โครงการนี้ ไม่ได้เป็นเพียงก้าวสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน ผ่านการใช้พลังงานสะอาดและการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ยังช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” นายนิทัศน์ กล่าว
ด้าน ดร.สุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกรรมการ มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน เสริมว่า การจัดทำโครงการ “วิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ” จะใช้แพลตฟอร์มกลางในการติดตามว่าครัวเรือนที่มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์ มีการผลิตพลังงานสะอาด หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณเท่าไร โดยแพลตฟอร์มนี้จะยังช่วยคำนวณการแลกเปลี่ยนปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้เป็นคะแนน เพื่อนำไปแลกกับสินค้าหรือบริการของภาคธุรกิจอย่าง “โฮมโปร” ซึ่งเราคาดว่าโครงการฯ จะสามารถสร้างประโยชน์ครอบคลุมถึง 3 ด้าน คือ การสร้างรายได้ให้ภาคครัวเรือน, การทำธุรกิจตามแนวเศรษฐกิจหมุนเวียนของภาคธุรกิจ และสามารถสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทย
ด้าน รศ.วงกต วงศ์อภัย ผู้แทนสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดทำโครงการฯ ในครั้งนี้ สิ่งสำคัญของกระบวนการทั้งหมด ไม่ใช่เพียงการได้คาร์บอนเครดิตกลับมา แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบของภาคส่วนต่าง ๆ ที่มาเข้าร่วมกับโครงการฯ เพื่อช่วยกันลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นประเด็นสำคัญในระดับโลก อีกทั้งการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตกับคะแนนที่ใช้แลกสินค้าหรือบริการจาก “โฮมโปร” ยังสามารถช่วยจูงใจให้ประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดมากขึ้น ช่วยสร้างประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน พร้อมเป็นส่วนสำคัญที่นำไปสู่เป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
ในปีที่ผ่านมา โฮมโปร เป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการเดินหน้าแผนงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคครัวเรือน โดยในปี 2023-2024 มีผู้บริโภคใช้บริการติดตั้ง Home Solar by HomePro รวมทั้งหมด 324 ครัวเรือน เทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1,200 ตันต่อปี ในระยะเวลา 2 ปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงกว่า 2,400 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับปลูกต้นไม้ 240,000 ต้น
สำหรับในปี 2025 นี้ โฮมโปรคาดหวังว่า ว่าการร่วมมือกับโครงการวิจัยและพัฒนาตลาดคาร์บอนครัวเรือนภาคสมัครใจ จะมีการแจกคะแนนโฮมการ์ดรวมกว่า 3 ล้านคะแนน และมีเป้าหมายครัวเรือนร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 300 ครัวเรือน สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไม่ต่ำกว่า 1,200 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 120,000 ต้น
MSC ร่วมกับ IBM Thailand จัดสัมมนา “The Future of IBM Power” เปิดตัว IBM Power 11 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
กลุ่ม ปตท. ชวนคุณสร้างรอยยิ้มให้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด
สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) จัดประชุมประจำปี National Director Conference 2025 ภายใต้หัวข้อ “Stronger Together through the World of Contradiction” หรือ “อยู่อย่างยั่งยืน...ในโลกอันย้อนแย้ง” ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 – 16.30 น. ณ ห้อง Chadra Ballroom โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โดยมีกรรมการและผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำเข้าร่วมงาน
อ.อ.ป. ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
NORDE (นอร์จ) แบรนด์โปรตีนคุณภาพ ประกาศเดินหน้าบุกตลาดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพอย่างเต็มที่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มด้วยแนวคิด "สุขภาพที่ดีไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง" พร้อมบุกตลาดหวังแตะยอดขาย 50 ล้านบาทในปี 68
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ดิจิทัล เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งปัจจุบันการใช้เงินสด ถูกแทนที่ด้วยระบบชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มดิจิทัลหลากรูปแบบ จากหลายค่ายผู้ให้บริการ ส่งผลให้แนวโน้ม “สังคมไร้เงินสด” (Cashless Society) เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการใช้จ่าย แต่ยังตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยและความโปร่งใสในการทำธุรกรรม และหนึ่งในผู้ให้บริการดังกล่าว ก็มีแอปพลิเคชัน ACU PAY ด้วย