ข้อควรรู้เบื้องต้น ดูแลรถหลังลุยน้ำท่วม ลดความเสียหายระยะยาว
ข้อควรรู้เบื้องต้น ดูแลรถหลังลุยน้ำท่วม ลดความเสียหายระยะยาว
ผู้ใช้รถยนต์ทราบดีว่า ช่วงล่างของรถยนต์มีบทบาทสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่ เนื่องจากเป็นระบบที่ช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ ลดแรงสั่นสะเทือน และเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน อย่างไรก็ตาม รู้หรือไม่ว่า ยังมีหลายองค์ประกอบของช่วงล่างที่มักถูกมองข้ามและขาดการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาจส่งผลต่อสมรรถนะและอายุการใช้งานของรถยนต์ได้
นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ภายใต้แบรนด์ “POP” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์มาตรฐานสากลฝีมือคนไทยที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใช้รถยนต์มักให้ความสำคัญกับการดูแลระบบช่วงล่าง ซึ่งเป็นชิ้นส่วนหลักที่ต้องบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น ยางรถยนต์ ระบบเบรก และโช๊คอัพ แต่ยังมีชิ้นส่วนช่วงล่างอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของรถยนต์ที่ไม่ควรมองข้าม และควรใส่ใจเช่นกัน อาทิ
1. ยางรองแท่นเครื่อง (Engine Mounts): ยางรองแท่นเครื่องทำหน้าที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์และช่วยยึดเครื่องยนต์ให้มั่นคง หากยางรองแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนที่มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการขับขี่และอาจทำให้ชิ้นส่วนอื่น ๆ ในเครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้นดังนั้น ควรเปลี่ยนทุก 60,000 – 100,000 กม. ขึ้นอยู่กับการใช้งาน หรือหากมีการสั่นสะเทือน หรือเสียงดังจากเครื่องยนต์ขณะเร่งเครื่อง หรือถ้ามีรอยแตกหรือการเสื่อมสภาพที่ชัดเจน
2.บูช (Bushings): บูชในระบบช่วงล่างช่วยให้การเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนต่าง ๆ ราบรื่น โดยลดการเสียดสีและดูดซับแรงกระแทกและทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น หากบูชสึกหรอหรือแตกหัก อาจส่งผลให้เกิดเสียงดัง และส่งผลต่อการทรงตัวของรถ การควบคุมที่ไม่แม่นยำขณะขับขี่ ควรเปลี่ยนประมาณทุก 80,000 – 100,000 กม. หรือเมื่อสึกหรอ เช่น เมื่อมีเสียงดังผิดปกติจากช่วงล่างหรือรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ไม่มั่นคง
3. โช๊คอัพ (Shock Absorbers): โช๊คอัพเป็นส่วนสำคัญในการดูดซับแรงกระแทกจากถนน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางคนอาจมองข้ามการตรวจสอบประสิทธิภาพของโช๊คอัพ ซึ่งหากโช๊คอัพเสื่อมสภาพจะส่งผลให้การขับขี่ไม่มั่นคงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ ควรเปลี่ยนทุก 50,000 – 100,000 กม. ขึ้นอยู่กับคุณภาพและการใช้งาน หรือหากมีการกระเด้งหรือการควบคุมที่ไม่ดีขณะขับขี่ หรือมีน้ำมันรั่วจากโช๊คอัพ
4. ระบบพวงมาลัย (Steering Components): ชิ้นส่วนของระบบพวงมาลัย เช่น เพลาและบูชพวงมาลัยมักถูกมองข้าม แต่มีผลกระทบโดยตรงต่อการควบคุมรถ หากชิ้นส่วนเหล่านี้สึกหรอหรือมีปัญหา จะทำให้การควบคุมรถไม่แม่นยำและเพิ่มความเสี่ยงในการขับขี่ ควรตรวจเช็คข้อต่อพวงมาลัย ทุก70,000 – 100,000 กม. หรือเมื่อมีอาการผิดปกติหากมีการหลวม หรือลักษณะการหมุนพวงมาลัยไม่ปกติ
การไม่ใส่ใจในส่วนประกอบเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแต่จะมีผลต่อความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายในการขับขี่และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว ดังนั้นผู้ใช้รถควรให้ความสำคัญในการตรวจเช็คและบำรุงรักษาชิ้นส่วนช่วงล่างเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ หรือเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น มีเสียงดังขณะขับขี่ รถสั่นสะเทือนผิดปกติ หรือพวงมาลัยเบี้ยว นอกจากนี้ การเลือกใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพสูงก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์จะมีสมรรถนะที่ดีและปลอดภัยต่อการใช้งาน
บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด มุ่งมั่นพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์คุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ “POP” ซึ่งได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างยาวนาน โดยมุ่งเน้นการผลิตชิ้นส่วนที่มีความทนทานและได้มาตรฐานสากล เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ทุกคน มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 5,000 รายการ ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ส่วนบุคคลจนถึงรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ สามารถสอบถามรายละเอียด ที่ร้านอะไหล่รถยนต์ชั้นนำ ตัวแทนจำหน่าย หรือเว็บไซต์ https://chalitindustry.com โทร.02 8026400 Email: [email protected]
ข้อควรรู้เบื้องต้น ดูแลรถหลังลุยน้ำท่วม ลดความเสียหายระยะยาว
SRA ค่ายรถสัญชาติไทยเปิดเกมรุกจับมือ บ๊อชเอ็นจิเนียริ่ง พัฒนาเทคโนโลยีขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ทายาทพระองค์เจ้าพีระสานฝันเส้นทางมอเตอร์สปอร์ต จาก F1 สู่ยนตรกรรมไฟฟ้า รับกระแสยานยนต์โลก เผยล่าสุดเล็งร่วมมือกับบิ๊กแบรนด์แฟชั่นหรูระดับโลกปูอนาคตการส่งออก
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเข้าสู่บทใหม่ เมื่อ บริษัท สยามกลการอะไหล่ จำกัด ภายใต้การบริหารของกลุ่มสยามกลการ ประกาศจับมือกับพันธมิตร KYB Corporation ผู้นำอันดับ 1 ด้านโช้คอัพและระบบช่วงล่างระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ภายใต้ชื่อ “บริษัท สยาม เควายบี เซลส์ จำกัด (SIAM KYB SALES CO., LTD. หรือ SKS)” เพื่อยกระดับและขยายตลาดการจำหน่ายสินค้าและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ เควายบี ในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ
Glasstech เซ็นสัญญาการดำเนินธุรกิจร่วมกับ Belron เพื่อมอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทยทั้งด้านการ ซ่อมกระจกรถยนต์ การเปลี่ยนกระจกรถยนต์ และ การปรับเทียบระบบ ADAS ในชื่อ GLASS HEROES
McLaren Bangkok เชิญสัมผัสที่สุดแห่งยนตรกรรมที่ถูกคัดสรรอย่างประณีตใน McLaren Bangkok Qualified Day 2025
โบลท์ (Bolt) แพลตฟอร์มบริการเรียกรถชั้นนำระดับโลก ประกาศความสำเร็จโครงการ Booster Week ที่เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ