STGT คว้า 3 รางวัลทรงเกียรติระดับประเทศ ในงาน TSCN Business Partner Conference 2025
STGT คว้า 3 รางวัลทรงเกียรติระดับประเทศ ในงาน TSCN Business Partner Conference 2025 และ ThaiBev Business Partner Award Ceremony 2025
บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายใหญ่ของประเทศ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) ด้วยรายได้จากการขายรวม 579.19 ล้านบาท โดยแม้จะเผชิญกับภาวะตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีความผันผวน รวมถึงการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้นในธุรกิจบริการ แต่บริษัทฯ ยังคงรักษากำไรสุทธิไว้ที่ระดับ 46.57 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าปรับกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ประจำปี 2568 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อในตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งยังคงเป็นสัดส่วนรายได้หลักกว่า 98% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายไว้ได้ในระดับ 23.50% ซึ่งถือว่าสะท้อนการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ขณะที่รายได้จากการบริการอยู่ที่ 31.79 ล้านบาท ลดลง 32.25% โดยเป็นผลจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรม แต่บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์เจาะตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดี และมีแนวโน้มปรับอัตรากำไรขั้นต้นจากงานบริการให้เพิ่มขึ้นในระยะถัดไป
อีกหนึ่งปัจจัยที่กระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสนี้ มาจากรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่างานในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project) ของ บมจ.ไทยออยล์ จำนวน 24.21 ล้านบาท หลังจากคู่สัญญาโครงการต่างประเทศของไทยออยล์ยกเลิกสัญญาเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ยืนยันว่ากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการติดตามข้อเรียกร้องตามสัญญาอย่างถึงที่สุด
ในด้านต้นทุนทางการเงิน บริษัทสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยลดลงกว่า 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือเพียง 13.49 ล้านบาท สะท้อนความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดและสภาพคล่องได้อย่างแข็งแกร่ง
“เรายังเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าและบริการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในยุคที่ภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานกลับมาคึกคัก อีกทั้งเรายังมีแผนรุกตลาดใหม่ๆ และเพิ่มสัดส่วนงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางรายได้และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้ถือหุ้น” นายสัมพันธ์ กล่าว
บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าภาครัฐและเอกชนในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มบทบาทในโครงการพลังงานทางเลือกในภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และเสริมโครงสร้างรายได้ให้หลากหลายยิ่งขึ้นในอนาคต
STGT คว้า 3 รางวัลทรงเกียรติระดับประเทศ ในงาน TSCN Business Partner Conference 2025 และ ThaiBev Business Partner Award Ceremony 2025
STGT ชูแนวคิด Waste to Value สร้างคุณค่าทางสังคมและเศรษฐกิจ ภายใต้งาน “พัฒนาองค์กร ก้าวสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน” ปีที่ 4
อ.อ.ป. จัดพิธีน้อมรำลึก เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2568
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT นำโดยคณะผู้บริหารระดับสูง พร้อมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ให้การต้อนรับคณะทูตจาก 21 ประเทศในยุโรปและเอเชีย ที่ได้ให้เกียรติเข้าเยี่ยมชมโรงงาน บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาอันวาร์ และพื้นที่สวนยางพาราของกลุ่มบริษัทศรีตรัง เพื่อศึกษาดูงาน เสริมสร้างความมั่นใจ เปิดมุมมองศักยภาพและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาตรัง เป็นหนึ่งในองค์กรที่ได้รับการรับรองการเป็น “องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization: CALO)”
Amid economic uncertainty caused by the U.S. government shutdown, Pink Elephant Thai & Asian Fusion, a Thai restaurant in Richmond, is transforming the crisis into a strategic opportunity. By shifting toward To-Go, Delivery, and Ghost Kitchen models, the brand is aligning itself with evolving American consumer behavior while showcasing the resilience of Thai cuisine as a global Soft Power force. From Dine-In to To-Go: A Shift in Consumer Behavior According to the National Restaurant Association (2024), over 68% of Americans order To-Go or Delivery at least twice a week, particularly during periods of financial caution when consumers seek value over formality. In response, Pink Elephant has focused on Meal Boxes, To-Go, and Delivery services via DoorDash, Uber Eats, and Grubhub, enabling the brand to reduce front-of-house costs while expanding its market reach significantly.