“ไฮโดรเจน” เชื้อเพลิงแห่งอนาคต…เราจะจุดประกายการลงทุนในไทยได้อย่างไร?

ไฮโดรเจน : เชื้อเพลิงแห่งอนาคต…เราจะจุดประกายการลงทุนในไทยได้อย่างไร?

              ในยุคที่ทั่วโลกกำลังมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ไฮโดรเจน กำลังถูกจับตามองในฐานะ “เชื้อเพลิงแห่งอนาคต” ที่มีศักยภาพพลิกโฉมภูมิทัศน์พลังงานของโลก รวมถึงประเทศไทย ด้วยคุณสมบัติที่สะอาดและสามารถนำไปใช้ได้หลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือแม้แต่การผลิตไฟฟ้า แต่คำถามสำคัญคือ เราจะสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตและพัฒนาไฮโดรเจนในบ้านเราได้อย่างไร?

จากประสบการณ์ในการวางนโยบายและโครงการพัฒนาประเทศ ผมมองว่าการจะจุดประกายให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมไฮโดรเจนนั้น จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ครบวงจรและเป็นรูปธรรม

1. วางรากฐานนโยบายและกฎระเบียบที่ชัดเจน: เข็มทิศนำทางนักลงทุน

           สิ่งแรกและสำคัญที่สุดคือ ภาครัฐต้องแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนและแน่วแน่ ในการผลักดันไฮโดรเจนให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพลังงานของประเทศ การมี “เข็มทิศ” ที่ชัดเจนจะช่วยให้นักลงทุนมองเห็นทิศทางและอนาคตของการลงทุน

  • วิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน: รัฐบาลควรประกาศ วิสัยทัศน์แห่งชาติสำหรับไฮโดรเจน พร้อมกำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณที่ชัดเจนในระยะสั้น กลาง และยาว เช่น สัดส่วนของไฮโดรเจนในการผลิตไฟฟ้า หรือการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ควรกำหนดด้วยว่าเราจะมุ่งเน้นไฮโดรเจนประเภทใดเป็นพิเศษ เช่น Green Hydrogen ที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นไฮโดรเจนสะอาดอย่างแท้จริง
  • แผนที่นำทาง (Roadmap) ด้านไฮโดรเจนแห่งชาติ: พัฒนาแผนที่นำทางที่ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การผลิต การจัดเก็บ การขนส่ง ไปจนถึงการใช้งาน เพื่อให้นักลงทุนเห็นภาพรวมของห่วงโซ่อุปทานและจุดที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้
  • กฎหมายและกฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน: นี่คือหัวใจสำคัญ! รัฐบาลควรพิจารณา มาตรการส่งเสริมการลงทุน เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีไฮโดรเจนสะอาด เงินอุดหนุน หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้ การ อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการขอใบอนุญาต รวมถึงการกำหนด มาตรฐานและระเบียบความปลอดภัย ที่ชัดเจน จะช่วยสร้างความมั่นใจและลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุน

2. สร้างแรงจูงใจและโอกาสการลงทุน: เปิดประตูสู่ความสำเร็จ

         เมื่อมีนโยบายที่ชัดเจนแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการ สร้างแรงจูงใจและเปิดประตูแห่งโอกาส เพื่อดึงดูดให้เงินลงทุนหลั่งไหลเข้ามา

  • ข้อมูลตลาดและศักยภาพที่โปร่งใส: รัฐบาลควรเป็นผู้นำในการจัดทำและเผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตไฮโดรเจน รวมถึงประมาณการความต้องการไฮโดรเจนจากภาคอุตสาหกรรมและอื่นๆ ข้อมูลที่น่าเชื่อถือจะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
  • กองทุนส่งเสริมการลงทุนเฉพาะกิจ: การพิจารณาจัดตั้ง กองทุนไฮโดรเจนแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนเงินลงทุนเริ่มต้น หรือร่วมลงทุนในโครงการนำร่อง (Pilot Projects) ที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงแรก จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและนวัตกรรมใหม่ๆ
  • ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D): การเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญ การสนับสนุนทุนวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนสะอาดที่มีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำ รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน จะช่วยยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของประเทศ
  • การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ: การเจรจาความร่วมมือกับประเทศผู้นำด้านไฮโดรเจน จะช่วยให้เราเข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และดึงดูดการลงทุนจากบริษัทระดับโลกได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การจัดงานสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติ จะเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญเข้าไว้ด้วยกัน

3. เริ่มต้นด้วยโครงการนำร่อง: สร้างความเชื่อมั่นจากต้นแบบ

          ไม่มีอะไรจะน่าเชื่อถือเท่ากับ ความสำเร็จที่พิสูจน์แล้ว การเริ่มต้นด้วยโครงการนำร่องที่จับต้องได้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคต

  • กำหนดพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม: ระบุพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการเป็นแหล่งผลิตไฮโดรเจน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีแหล่งพลังงานหมุนเวียนอุดมสมบูรณ์ และเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ระบบสายส่งไฟฟ้าและระบบน้ำ
  • โครงการผลิต Green Hydrogen นำร่อง: สนับสนุนการลงทุนในโครงการผลิต Green Hydrogen ขนาดที่เหมาะสม โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ทางเทคนิคและเศรษฐกิจจริง
  • โครงการนำร่องการใช้งานไฮโดรเจน: สนับสนุนการทดลองใช้ไฮโดรเจนในภาคส่วนต่างๆ เช่น การใช้ไฮโดรเจนในโรงงานอุตสาหกรรม รถบัสที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน หรือการนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าเสริม สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความคุ้นเคยและแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในวงกว้าง

บทสรุป

          ผมขอสรุปว่าการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจไฮโดรเจนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากภาครัฐมีความมุ่งมั่นและวางกลยุทธ์ที่รอบคอบ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ลดความเสี่ยง และให้ผลตอบแทนที่จูงใจ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดภาคเอกชนไทยและต่างชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและลงทุนในอุตสาหกรรมไฮโดรเจนของประเทศไทย เมื่อนั้น ไฮโดรเจนจะไม่ใช่แค่ “เชื้อเพลิงแห่งอนาคต” อีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “เชื้อเพลิงแห่งปัจจุบัน” ที่ขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างแท้จริง

รัตนพัฒน์ ปีวิเศษกุลเดช

นักวิชาการอิสระ(อดีตกมธ.พลังงาน)