มูลนิธิศุภนิมิตฯ หนุนเยาวชนทั่วไทย ลุกขึ้นสู้วิกฤตสิ่งแวดล้อมจาก เสียงเล็กๆ สู่พลังเปลี่ยนโลก

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราต่างก็สัมผัสได้ถึงผลกระทบจากวิกฤตสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นโลกรวนที่ทวีความรุนแรงภัยพิบัติที่เกิดถี่ขึ้น หรือคุณภาพอากาศที่แย่ลง โดยเฉพาะในประเทศไทย แม้เราจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่เรากลับได้รับผลกระทบที่รุนแรงไม่แพ้กัน น้ำท่วม ภัยแล้ง ฝุ่น PM2.5 ล้วนกระทบต่อสุขภาพและชีวิตประจำวันโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน

“เราไม่สามารถพูดถึงอนาคตของโลกได้ หากเราไม่ฟังเสียงเยาวชน เพราะพวกเขาไม่ใช่เพียงผู้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ต่าง ๆ แต่คือ ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญที่สุด”  นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ คุณรัตนธิดา ประวัง ผู้จัดการโปรแกรมงานวิชาการด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เชื่อมาตลอด เธอกล่าวต่อด้วยว่า “เด็กและเยาวชนไม่ควรถูกมองเพียงแค่ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบอีกต่อไป พวกเขาควรมีพื้นที่ในการเรียนรู้ แสดงออก และมีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลง เพราะการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ควรเริ่มตั้งแต่ในห้องเรียน ในชุมชน หรือแม้แต่ปลูกความคิดในตัวเด็กเอง โดยมีผู้ใหญ่คอยรับฟังและส่งเสริม สำหรับการดำเนินงานและยุทธศาสตร์ของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ในการพัฒนาเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อม เราได้ร่วมกับทีมวิชาการของมูลนิธิฯ ในการออกแบบรูปแบบ โครงการพัฒนาชีวิตเยาวชน Youth Development (Youth+) ซึ่งไม่ได้เป็นแค่แนวทางพัฒนาเยาวชน แต่คือการสร้างกระบวนการให้เยาวชนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงผ่านกระบวนการตั้งคำถาม คิดวิเคราะห์ วางแผนและลงมือทำ สะท้อนในสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์จริง โดยเฉพาะในเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายคนต้องเผชิญและเข้าใจปัญหาได้ดีที่สุด   ในปัจจุบัน เรามีกลุ่มผู้นำเยาวชนมากกว่า 40 กลุ่มทั่วประเทศ โดยเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ริเริ่มและขับเคลื่อนโครงการของตัวเอง โดยมีพี่เลี้ยงในชุมชนและภาคีเครือข่ายคอยอยู่เคียงข้างและเป็นแรงสนับสนุนให้พวกเขาก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง  ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ภายใต้กรอบแนวคิดที่ยึดถือในการทำงาน นั่นคือ “ความเห็นทั่วไปข้อที่ 26” ของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ที่ระบุว่า เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะเติบโตในสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย และยั่งยืน เราจึงมุ่งมั่นและพยายามสร้างโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำจริง และเติบโตจากประสบการณ์นั้นด้วยตนเอง”

ด้วยความทุ่มเทดังกล่าว จึงนำไปสู่ความสำเร็จอันเป็นที่ยอมรับจากสังคม คือผลงานเยาวชนของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ที่ส่งเข้าประกวดระดับประเทศกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมหรือกรมลดโลกร้อน ซึ่งได้รับรางวัลรางวัลเชิดชูเกียรติเครือข่ายเด็กและเยาวชนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2567 และมีถึง 3 โรงเรียนในพื้นที่ดำเนินงาน ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ ได้แก่ 1. รางวัลประเภทเหรียญทอง : โครงการเครือหวายปลอดขยะ (ขวดพลาสติก) 2. รางวัลประเภทเหรียญเงิน : โครงการหนองสลุด Zeo Waste   3. รางวัลประเภทเหรีญเงิน : โครงการ Keep Bottle Exchange Money โครงการเก็บขวดเปลี่ยนเป็นเงิน  นอกจากนี้ ยังรวมถึงโครงการอื่น ๆ ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนเยาวชนของศุภนิมิตในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออก

สำหรับปี 2568 นี้ มูลนิธิศุภนิมิตฯ เดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนอย่างต่อเนื่อง คุณรัตนธิดา ประวัง ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า “เพื่อเป็นการเติมไฟและจุดประกายไอเดียสุดสร้างสรรค์ ต่อยอดโครงการเพื่อพัฒนาเป็นนวัตกรรมใหม่ ไม่นานมานี้ เราได้จัดกิจกรรมสรุปผลงาน โครงการ เยาวชนสร้างสรรค์ สร้างสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน  Youth-Led Environment and Sustainability Program (Trash2Cash) ปีที่ 2 ซึ่งเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนได้คิดและสร้างสรรค์ผลงานจากขยะหรือวัสดุใช้แล้ว เพื่อนำกลับมาสร้างมูลค่าได้จริง และยังช่วยสร้างรายได้ระหว่างเรียน ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สะท้อนจุดยืนของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม และยังเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสิทธิเด็กในมิติต่าง ๆ ความสำเร็จที่เราได้กลับมานี้ ไม่ได้มีเพียงแค่รางวัล แต่มันคือจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของการเติบโต ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เด็กและเยาวชนทุกคนล้วนมีศักยภาพเพียงพอ ถ้าหากได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากผู้ใหญ่

จากประสบการณ์ที่เราได้ทำงานร่วมกับเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อมั่นว่า การออกแบบโปรแกรมการเรียนรู้ โครงการพัฒนาชีวิตเยาวชน Youth Development (Youth+) คือการวาง แกนกลาง ที่เป็นเหมือนแนวทางในการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้มีเวที หรือมีพื้นที่สำหรับพัฒนาตัวเอง  เพื่อให้พวกเขามีพลังในการขับเคลื่อนสังคมจากชุมชนของตนเองได้อย่างแท้จริง เพราะนอกเหนือจากภาวะผู้นำ เราอยากเห็นเด็กมีทักษะวิชาชีพติดตัว เพราะในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา หากไม่มีเครื่องมือหรือความสามารถรองรับ ก็อาจเผชิญกับความยากลำบากได้ง่าย แต่ถ้าเด็กคนหนึ่งลุกขึ้นมาได้ เขาจะไม่ลุกขึ้นมาเพียงลำพัง เขาจะดึงคนรอบตัวลุกขึ้นมาด้วย และนั่นแหละ คือพลังของการพัฒนาเยาวชนที่แท้จริง”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและอัปเดตความเคลื่อนไหวได้ที่ https://give.worldvision.or.th/lfWMZ7

FB: https://www.facebook.com/worldvisionthailand

IG:https://www.instagram.com/worldvision_thailand

Youtube : https://www.youtube.com/@worldvisionthailand-wvft

 Xhttps://twitter.com/WorldVisionTH