จันทบุรี – 21 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุม 25412 ชั้น 4 อาคารสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ (อาคาร 35) มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไวกูณฑ์ ทองอร่าม อธิการบดี ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้บริหารระดับสูง หลักสูตรการพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง Single Data ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพด้านการบริหารจัดการข้อมูลของมหาวิทยาลัย
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยเข้าใจถึงความจำเป็นและประโยชน์มหาศาลของการมีระบบฐานข้อมูลกลางที่แข็งแกร่ง เพื่อนำไปสู่การวางกลยุทธ์การใช้ประโยชน์จาก Single Data ได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมทั้งเห็นความสำคัญและมีแนวทางในการสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลและระบบสารสนเทศจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าสู่ฐานข้อมูลกลาง รวมถึงสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการแบ่งปันและการใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกัน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไวกูณฑ์ ทองอร่าม อธิการบดี กล่าวว่า “การอบรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึกแก่ผู้บริหารเกี่ยวกับ Single Data แต่ยังจุดประกายให้เกิดการบูรณาการข้อมูลและสร้างวัฒนธรรมการแบ่งปันภายในองค์กร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง เรามั่นใจว่า Single Data จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยได้อย่างตรงจุด”
งานนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ดร.สุนทร หลั่นเจริญ หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และคุณดรุณี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ซึ่งทั้งสองท่านได้มอบความรู้และประสบการณ์อันทรงคุณค่าแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ
มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีขอเชิญชวนผู้สนใจและบุคลากรทุกท่านติดตามความคืบหน้าของการพัฒนาระบบ Single Data และโครงการอื่นๆ ที่มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านช่องทางเว็บไซต์ทางการของมหาวิทยาลัยและสื่อสังคมออนไลน์ที่ https://www.facebook.com/ARIT.RBRU.verified
ความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบ Single Data นี้ ตอกย้ำถึงความพร้อมของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีในการเป็น ‘แหล่งเรียนรู้ สร้างสรรค์นวัตกรรม นำสู่การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน’ ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบต่อไป
