มูลนิธิศุภนิมิตฯ เปิดภารกิจฉุกเฉิน เร่งช่วยเหลือเด็กและครอบครัวในพื้นที่ขัดแย้งไทย-กัมพูชา นำร่องแผนฟื้นฟูระยะยาว

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกจากบ้านเรือนอย่างเร่งด่วน ความเดือดร้อนแผ่ขยายไปยังจังหวัดชายแดนฝั่งตะวันออกและอีสานตอนล่าง ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด และอุบลราชธานี หลั่งไหลเข้ามาอาศัย ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว ในจำนวนนั้นเป็นเด็กมากถึง 9,385 คน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 จากสถานการณ์ดังกล่าว ไม่เพียงเป็น วิกฤตด้านความมั่นคง หากยังหมายรวมถึง วิกฤตด้านมนุษยธรรม

เมื่อวิกฤตเกิดขึ้น เด็ก คือผู้ที่เปราะบางที่สุด ทันทีที่เกิดเหตุ เด็กจำนวนมากในพื้นที่เปราะบางต้องสูญเสียที่อยู่อาศัย ต้องหยุดเรียน เผชิญกับอันตราย ความหิวโหย และความไม่แน่นอนของสถานการณ์

มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรสาธารณกุศลเพื่อการพัฒนาและการรณรงค์เพื่อสร้างความยุติธรรมในสังคม มีบทบาทด้านการช่วยเหลือและปกป้องเด็ก รวมถึงชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฉุกเฉินและความขัดแย้งครั้งนี้  จากการสำรวจพื้นที่การทำงานของมูลนิธิฯ ขณะนี้มีผู้ที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 54,779 คน และจากจังหวัดสุรินทร์จำนวน 191,045 คน

นางรสลิน โกแวร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ก็ได้เผยถึงขั้นตอนดำเนินงานด้านการช่วยเหลือ ตามแผนนโยบายของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ว่า “เรากำลังเร่งประเมินสถานการณ์แบบรายวัน จากทีมงานอาสาสมัครในพื้นที่ เพื่อระบุความจำเป็นเร่งด่วนที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เพื่อเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม ทั้งในระยะการตอบสนองและระยะฟื้นฟู โดยศุภนิมิตฯ เรามีแนวทางการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนหลัก ๆ ดังนี้

การสนับสนุนในช่วงบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน สนับสนุนสิ่งของจำเป็นเร่งด่วน แก่ประชาชนในศูนย์อพยพ เช่น น้ำดื่ม ยารักษาโรค วัตถุดิบ ประกอบอาหาร และอาหารแห้ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น

จัดตั้งศูนย์เพื่อนเด็ก (Child-Friendly Space) : เพื่อดูแลจิตใจเด็ก พร้อมสนับสนุนให้เด็ก ได้มีพื้นที่ปลอดภัย ได้เล่นและเรียนรู้ในระหว่างอยู่ที่ศูนย์พักพิง

การสนับสนุนในช่วงฟื้นฟู เสริมสร้างศักยภาพการเตรียมความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินในโรงเรียน และชุมชนพื้นที่เสี่ยงภัย

จากแผนดำเนินงานดังกล่าว เราได้เริ่มดำเนิน “โครงการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์ขายแดนไทย-กัมพูชา” พร้อมเปิดระดมทุนเพื่อส่งต่อความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่   ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่ายในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาได้จัดหาน้ำดื่ม 4,385 แพ็ค ไข่ไก่ 240 แผง นมพร้อมดื่ม 5,638 แพ็ค ขนม 913 แพ็ค และมุ้งกันยุงอีก 250 หลัง รวมถึงอาหารแห้ง ยารักษาโรค ส่งมอบให้กับศูนย์พักพิง 30 แห่งในจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ และยังได้จัดตั้ง “ศูนย์เพื่อนเด็ก” (Child-Friendly spaces) ในศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 7 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์  เพื่อให้เด็กได้กลับมามีพื้นที่ปลอดภัย เรียนรู้ และฟื้นฟูจิตใจในช่วงที่ชีวิตยังไร้เสถียรภาพ ซึ่งสามารถเข้าถึงเด็กได้ 1,381 คน

ขณะเดียวกัน มูลนิธิศุภนิมิตฯ ยังคงประเมินความจำเป็นเร่งด่วนในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง และเดินหน้าวางแผนระยะฟื้นฟูในจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ โดยเชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และผู้บริจาค เพื่อให้การช่วยเหลือเข้าถึงทุกชีวิตอย่างทั่วถึงที่สุด” นางรสลิน โกแวร์ กล่าว

ด้านเสียงสะท้อนจากคณะทำงานในพื้นที่ นายอานนท์ สวนศรี ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์และวัฒนธรรมองค์กร กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากความช่วยเหลือในเรื่องของศูนย์อพยพและพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก (Child-Friendly Spaces) เรายังมองไปถึง หลังจากสถานการณ์สงบแล้ว พี่น้องในพื้นที่ทยอยกลับไปเข้าบ้านเรือน เด็ก ๆ เริ่มกลับไปโรงเรียนตามปกติ สิ่งที่มูลนิธิศุภนิมิตฯ จะทำต่อไปก็คือเรื่องของการฟื้นฟู สร้างกำลังใจให้กับเด็ก ๆ เป็นการปูทางรับมือในอนาคต หากมีภัยพิบัติอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอีก การสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเกิดการช่วยเหลืออย่างยั่งยืน   สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราอยากจะขอบคุณทั้งผู้อุปการะ และก็ผู้บริจาคทุก ๆ คนด้วย รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานเอกชน หน่วยงานท้องถิ่น ที่ให้ความร่วมมือกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ และเราเองก็ขอสัญญาว่า จะทำสิ่งเหล่านี้ให้ดีที่สุดเพื่อให้เด็กและชุมชนทุกคน ใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและเติบโตขึ้นมาในท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดีแล้วก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป”

ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อสนับสนุนเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง ได้ที่ https://give.worldvision.or.th/OogjOo

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและอัปเดตความเคลื่อนไหวได้ที่ www.worldvision.or.th
FBhttps://www.facebook.com/worldvisionthailand
IGhttps://www.instagram.com/worldvision_thailand
Youtubehttps://www.youtube.com/@worldvisionthailand-wvft