ยอดเข้าชม : 20
สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT เดินหน้าบทบาทนักปั้นดาวแห่งวงการหัตถศิลป์ไทย โดยคัดเลือกผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมจากทั่วประเทศเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น “ครูศิลป์ของแผ่นดิน” “ครูช่างศิลปหัตถกรรม” และ “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” ประจำปี 2568 จำนวน 30 ราย เพื่อสืบสานองค์ความรู้และทักษะเชิงช่างอันทรงคุณค่าให้เป็นมรดกแห่งภูมิปัญญางานหัตถศิลป์ของไทย ณ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เปิดเผยว่า SACIT ยังคงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญในการธำรงรักษาและสืบสานมรดกภูมิปัญญาด้านศิลปหัตถกรรมของชาติให้คงอยู่คู่สังคมไทย สำหรับปี 2568 นี้ SACIT มุ่งเน้นการดำเนินบทบาทนักปั้นดาวแห่งวงการงานหัตถศิลป์ไทย โดยทำหน้าที่เปรียบเสมือนแมวมองที่เฟ้นหาผู้คร่ำหวอดในวงการงานหัตถศิลป์ไทย เพื่อยกย่องและส่งต่อคุณค่าแห่งภูมิปัญญาไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา ซึ่งนอกจากจะสอดรับกับวิสัยทัศน์ในด้านการสืบสานรักษางานศิลปหัตถกรรมไทยให้ยั่งยืนแล้ว เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์งานศิลปหัตถกรรมไทยและยังเป็นการผลักดันให้ผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทย เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในเวทีระดับนานาชาติจึงเป็นที่มาของโครงการเชิดชูผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรม ที่ SACIT ดำเนินการอย่างมาต่อเนื่อง โดยจะเฟ้นหาบุคคลผู้ทรงคุณค่าจากทั่วประเทศ แบ่งหมวดการเชิดชูเกียรติเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ผู้เป็นปราชญ์แห่งวงการศิลปหัตถกรรมไทย ครูช่างศิลปหัตถกรรม ผู้ที่อนุรักษ์และถ่ายทอดทักษะฝีมือศิลปหัตถกรรมไทยอันเป็นเลิศ และ ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ผู้ที่มีใจรักในงานหัตถศิลป์และมุ่งมั่นที่จะสืบสานภูมิปัญญาของบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น โดยปี 2568 นี้ มีผู้ได้รับการคัดสรรทั้งสิ้น จำนวน 30 ราย ซึ่งล้วนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการธำรงรักษาองค์ความรู้และภูมิปัญญาดั้งเดิมในงานศิลปหัตถกรรมไทยที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ ทั้งยังเป็นแบบอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังเห็นคุณค่าและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ สืบสานมรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการต่อยอดงานหัตถศิลป์เชิงสร้างสรรค์ด้วยการผสานศาสตร์และศิลป์เชิงช่างมาพัฒนาสู่ความร่วมสมัย เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดเชิงพาณิชย์ต่อไปได้ในอนาคต
“สำหรับปี 2568 มีผู้ผ่านการคัดสรร 30 ราย จากทั่วทุกภูมิภาค โดยแบ่งเป็น ครูศิลป์ของแผ่นดิน จำนวน 3 ราย ครูช่างศิลปหัตถกรรม จำนวน 14 ราย และ ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม จำนวน 13 ราย โดย SACIT เฟ้นหาผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมจากทั่วประเทศไทย เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และ ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม
โดยทาง SACIT พร้อมให้การสนับสนุนอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การยกย่องเชิดชูเกียรติ การสร้างเวทีสำหรับถ่ายทอดองค์ความรู้ ตลอดจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเปิดช่องทางการตลาดเชิงพาณิชย์ เพื่อผลักดันให้งานหัตถศิลป์ไทยเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ที่มีศักยภาพทั้งในตลาดประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นไปเพื่อเป้าหมายในการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่และเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอแนวคิดหัตถศิลป์กับมิติความยั่งยืน ที่ไม่ใช่เพียงแค่การอนุรักษ์ แต่ยังรวมถึงการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างอาชีพและกระจายรายได้สู่ชุมชนให้มีความมั่นคง เพื่อให้งานศิลปหัตถกรรมไทยเติบโตต่อไปได้อย่างแท้จริง” ผศ.ดร.อนุชา กล่าวทิ้งท้าย
นายอุทัยย์ กาญจนคูหา ครูศิลป์ของแผ่นดิน ประจำปี 2568 ประเภทเครื่องดิน (เครื่องปั้นดินเผา) เจ้าของแบรนด์ชวนหลงเซรามิค จังหวัดลำพูน กล่าวว่า การสร้างสรรค์งานหัตถกรรมประเภทเครื่องปั้นดินเผา ต้องอาศัยทักษะฝีมือเชิงช่างที่ละเอียดอ่อน ผลงานของแบรนด์ชวนหลงเซรามิคส่วนใหญ่สะท้อนถึงความชำนาญในการใช้วัสดุ-เทคนิคดั้งเดิมอย่างการปั้น การแกะสลัก การลงสี โดยผสมผสานเทคนิคต่าง ๆ รวมถึงการวาดลวดลายด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของกระบวนการผลิต ยังให้ความสำคัญกับการเลือกดินให้เหมาะสมกับเทคนิคและรูปแบบที่ต้องการ รวมถึงออกแบบลวดลายที่สะท้อนเอกลักษณ์ของไทยทั้งลายดอกไม้ ลายเครือเถา และลายสัตว์ ซึ่งผสมผสานเทคนิคโบราณแต่ยังคงความทันสมัย แสดงให้เห็นถึงความรู้และความเข้าใจในศิลปหัตถกรรมไทยอย่างลึกซึ้ง ปัจจุบันมีการปรับประยุกต์ทั้งรูปแบบและลวดลายให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เพิ่มเติมสีสัน ความทันสมัย และสามารถนำมาใช้งานได้จริง ขณะเดียวกันก็ยังคงแฝงด้วยความเป็นไทยไว้อย่างชัดเจนอยู่ในทุกชิ้นงาน
นายอุทัยย์ กล่าวต่อว่า “ผลงานแบรนด์ชวนหลงเซรามิค เป็นประเภทงานหัตถศิลป์ที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อ-ความศรัทธา เช่น สิงห์ ช้าง ม้า และพระพิฆเนศ มาสร้างสรรค์เป็นของประดับตกแต่งเพื่อความสวยงามที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น โคมไฟ เก้าอี้ โต๊ะ ตลอดจนงานตกแต่งกำแพง ซึ่งมีการนำบางส่วนของลวดลายเครือเถามาตกแต่งร่วมอยู่บนชิ้นงานด้วย ทั้งนี้ รู้สึกภาคภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผลงานได้รับการยอมรับ และได้มีโอกาสถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่คนรุ่นหลัง อันเป็นการสืบสานและพัฒนาต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมให้ก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง ผมขอขอบคุณ SACIT ที่ส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมให้กลายเป็นสื่อกลางที่เชื่อมโยงอดีตกับอนาคต และมีบทบาทสำคัญในการธำรงรักษามรดกทางวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป”
นายปราโมทย์ เขาเหิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2568 ประเภทเครื่องโลหะ (งานเครื่องทองสุโขทัย) และผู้สืบทอดแบรนด์ บ้านทองสมสมัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า จากที่ได้เป็นสมาชิกของ SACIT ตลอดระยะเวลามากกว่า 1 ทศวรรษ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการเชิดชูเป็นครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2568 ซึ่ง SACIT เป็นผู้สนับสนุนการสืบสานงานหัตถศิลป์ไทยมาโดยตลอด โดยตนจะยึดมั่นในการสร้างผลงานศิลปหัตถกรรมอันทรงคุณค่า พร้อมสืบทอดภูมิปัญญาอันล้ำค่าของช่างทองสุโขทัย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของไทย สำหรับ “ทองสุโขทัย” หรือที่รู้จักในชื่อ “ทองโบราณ” เป็นงานทำมือที่ใช้วัสดุหลักเป็นทองคำเปอร์เซ็นต์สูงถึง 99.99 % ซึ่งต้องอาศัยทักษะเชิงช่าง และทักษะเฉพาะทางที่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ทำให้สามารถสร้างรายได้ให้คนในชุมชนเมืองศรีสัชนาลัย ช่วยให้ช่างฝีมือไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคและแนวคิดการทำงาน โดยได้มีการพัฒนารูปแบบ การออกแบบผลงานใหม่ ๆ ที่มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลง โดยเน้นรูปแบบดีไซน์ที่ทันสมัยและยังคงกลิ่นอายของลวดลายแบบสุโขทัย สามารถขยายกลุ่มตลาดไปยังคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันหรือโอกาสพิเศษ สะท้อนความงามและอัตลักษณ์ของงานเครื่องทองสุโขทัยได้อย่างภาคภูมิใจ
นายจักริน สานุวิตร์ ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2568 ประเภทเครื่องเขิน (เครื่องรัก) กล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับการเชิดชูเป็นทายาทช่างศิลปหัตถกรรมของ SACIT โดยตนสืบสานองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาจาก ครูดวงกมล ใจคำปัน ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2558 ที่ได้รับการยกย่องจาก SACIT ซึ่งจากจุดเริ่มต้นที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ SACIT ทำให้ได้รับโอกาสต่าง ๆ มากมายจากการเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายงานศิลปหัตถกรรมไทยของ SACIT ทั้งการเสริมสร้างทักษะและต่อยอดองค์ความรู้จากโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยปี 2568 นี้ มีโอกาสเข้าร่วมฝึกอบรมหลักสูตรการยกระดับทักษะความรู้สำหรับสมรรถนะของช่างศิลปหัตถกรรม ณ จ.พิษณุโลก ทำให้ได้เรียนรู้ถึงกระบวนการวางแผน การสร้างแบรนด์สินค้า รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ เพื่อยกระดับงานหัตถศิลป์ให้เป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะ “งานเครื่องเขินขูดลาย” ภูมิปัญญาโบราณของ จ.เชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีผู้สืบทอดและสร้างสรรค์ผลงานน้อยลงอย่างมาก จึงควรค่าอย่างยิ่งแก่การอนุรักษ์ สืบสาน และเผยแพร่หัตถกรรมที่ใกล้สูญหายนี้ให้ยังคงอยู่คู่วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ในสังคมไทยต่อไป
นายจักริน กล่าวต่อว่า “งานเครื่องเขินขูดลาย จะต้องอาศัยทักษะความประณีต ความละเอียดอ่อน และการสร้างสรรค์งานที่ต้องใช้สมาธิสูง ซึ่งพื้นผิวงานรักต้องมีความหนาที่เหมาะสม เพื่อที่จะรองรับการขูดลายบนพื้นรัก โดยนำเหล็กแหลมมาขูดขีดบนพื้นรักให้เกิดลวดลายต่าง ๆ แล้วถมสีด้วยชาด ซึ่งเป็นเทคนิคดั้งเดิมที่สะท้อนความวิจิตรของงานเครื่องเขินโบราณ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบัน จึงได้มีการปรับประยุกต์ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มไลฟ์สไตล์อย่าง แก้วน้ำสแตนเลสเครื่องเขินขูดลาย เพื่อสอดแทรกคุณค่าภูมิปัญญางานเครื่องเขินในวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ ยังสามารถต่อยอดงานเครื่องเขินเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านอย่าง โต๊ะ หรือเก้าอี้ ที่ไม่เพียงเอาใจกลุ่มนักสะสม แต่ยังเป็นการผสมผสานระหว่างงานภูมิปัญญาดั้งเดิม เข้าด้วยกันกับสินค้าไลฟ์สไตล์โมเดิร์นอย่างลงตัว”
ในปีนี้ SACIT ได้มอบรางวัลเชิดชูผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อเป็นเกีรยติและเกิดความภาคภูมิใจในการอนุรักษ์คุณค่าภูมิปัญญาทักษะฝีมือเชิงช่างที่อยู่ในตัวบุคคล ที่ถือได้ว่าเป็นสมบัติอันมีค่าของชาติไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา ในวันที่ 7 – 8 สิงหาคม 2568 ภายในงาน SACIT Symposium ณ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)
ติดตามข้อมูลข่าวสารของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ได้ที่เว็บไซต์ https://sacit.or.th/th หรืออัปเดตกิจกรรมงานคราฟต์ต่าง ๆ ได้ทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/sacitofficial และ TikTok SACIT Official https://www.tiktok.com/@sacit_official