ข้อควรรู้เบื้องต้น ดูแลรถหลังลุยน้ำท่วม ลดความเสียหายระยะยาว

ต้องยอมรับว่าหน้าฝนปีนี้หนักจริงๆ เดือนตุลาคมแม้จะเป็นช่วงปลายฤดูฝน แต่หลายพื้นที่ยังคงเผชิญพายุฝนตกหนักและน้ำท่วมถนน และยังคงเป็นปัญหาที่ผู้ใช้รถต้องเผชิญอย่างต่อเนื่อง หลายคนอาจจำเป็นต้องขับลุยน้ำเพื่อกลับบ้าน หรือไปทำงานโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้จะขับผ่านไปได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือรถไม่ดับ แต่รถของเราอาจกำลังเสี่ยงต่อความเสียหายที่ซ่อนอยู่โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการใส่ใจตรวจเช็กและดูแลรถหลังลุยน้ำ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาในระยะยาว

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ภายใต้แบรนด์ “POP” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์มาตรฐานสากลฝีมือคนไทยที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ให้คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีดูแลรถหลังลุยน้ำท่วม ว่า การตรวจเช็กและดูแลรถทันทีหลังลุยน้ำเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว โดยมีข้อควรรู้ดังนี้

          1.ใช้เกียร์ต่ำและลดความเร็ว เพื่อลดความเสียหาย

หากเลี่ยงการขับลุยน้ำไม่ได้ สิ่งที่ควรทำคือใช้เกียร์ต่ำ ลดความเร็ว เพื่อป้องกันแรงดันน้ำเข้าสู่ห้องเครื่อง และหลีกเลี่ยงการขับเบรกค้าง หลังจากผ่านน้ำควรเหยียบเบรกเบาๆ หลายครั้งเพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรก การขับอย่างมีสติและการดูแลหลังการใช้งาน คือสองปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้รถมั่นใจได้ว่ารถยังพร้อมใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

          2.ห้ามสตาร์ทรถซ้ำเด็ดขาด หากรถดับกลางน้ำ

หากรถดับกลางน้ำ สิ่งสำคัญที่สุดและอยากย้ำกับผู้ใช้รถทุกท่านโดยเฉพาะผู้ขับรถมือใหม่คือ ห้ามพยายามสตาร์ทซ้ำเด็ดขาด เพราะการสตาร์ทซ้ำจะทำให้น้ำไหลเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์และทำให้ความเสียหายรุนแรงขึ้น สิ่งที่ควรทำคือปิดสวิตช์ทันทีและเข็นรถไปยังพื้นที่ปลอดภัย หลังจากนั้นให้ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญ เพราะการป้องกันตั้งแต่แรกจะช่วยรักษารถของเราไว้ได้มากกว่าการแก้ไขเมื่อเกิดความเสียหายแล้ว

          3.ตรวจเช็กระบบเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าทันทีหลังขับรถลุยน้ำท่วม

หลังขับรถลุยน้ำท่วม สิ่งที่ผู้ใช้รถควรทำทันทีคือการตรวจสอบระบบหลักๆของรถ โดยเฉพาะเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าเป็นอันดับแรก เพราะสองส่วนนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนและความปลอดภัย หากพบว่ารถสตาร์ทไม่ติด มีเสียงผิดปกติ หรือไฟเตือนบนหน้าปัดปรากฏขึ้นหลายดวงพร้อมกัน ควรหยุดใช้งานและนำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการ หรือศูนย์ซ่อมบำรุง
โดยช่างผู้เชี่ยวชาญทันที เพราะการดูแลในช่วงแรกนี้มีความสำคัญอย่างมาก สามารถช่วยลดความเสียหายที่จะลุกลามในระยะยาวได้ แต่หากปล่อยไว้ความเสียหายอาจลุกลามในระยะยาว

          4.ระบบที่เสี่ยงเสียหายมากที่สุดหลังลุยน้ำ ควรตรวจเช็คและซ่อมบำรุงแต่เนิ่นๆป้องกันเสียหายระยะยาว

โดยทั่วไประบบที่เสี่ยงเสียหายมากที่สุด คือ เครื่องยนต์ เกียร์ เบรก และระบบไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนที่มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน ที่มีความไวต่อความชื้นและน้ำ น้ำที่เข้าไปเพียงเล็กน้อย  ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้ทันที การใส่ใจตรวจเช็กแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงระยะยาวได้มาก แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจเช็กจะยิ่งเพิ่มความเสียหายและค่าใช้จ่ายที่สูงในอนาคต

          5.ชิ้นส่วนที่ควรตรวจสอบเป็นพิเศษ

การบำรุงรักษาหลังลุยน้ำ แนะนำให้ตรวจเช็กกรองอากาศ สายไฟ แบตเตอรี่ รวมถึงผ้าเบรกและจานเบรกเป็นพิเศษ เพราะทั้งหมดนี้คือส่วนที่สัมผัสกับความชื้นโดยตรง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล จะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว การดูแลใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้คือสิ่งที่สะท้อนถึงความปลอดภัยและอายุการใช้งานของรถในระยะยาว

          6.ควรเปลี่ยนถ่ายของเหลวหากปนเปื้อนน้ำ

กรณีที่น้ำเข้าไปถึงระบบจริงๆ เช่น หากพบว่าน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์มีสีขุ่น ต้องเปลี่ยนถ่ายทันที เพราะการใช้งานของเหลวที่ปนเปื้อนจะเร่งให้เครื่องยนต์สึกหรออย่างรวดเร็ว ถึงแม้บางครั้งอาจดูเหมือนไม่มีผลกระทบชัดเจนในระยะสั้น แต่ผลกระทบระยะยาวนั้นร้ายแรงกว่ามาก การลงทุนดูแลตรงนี้จึงเป็นการลงทุนเพื่อยืดอายุการใช้งานของรถทั้งคัน

          7.อบไล่ความชื้นเพื่อป้องกันความเสียหายระยะยาวระบบไฟและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

การขับรถลุยน้ำท่วม ผลกระทบไม่ได้จบแค่ระบบเครื่องยนต์ แต่ยังรวมไปถึงระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นหัวใจในการควบคุมรถในปัจจุบัน  ซึ่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆจะมีเซนเซอร์และระบบช่วยขับจำนวนมาก หากน้ำเข้าห้องเครื่องหรือห้องโดยสาร ความชื้นอาจทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้องและเสี่ยงต่อความปลอดภัย ควรอบแห้งและตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ  เพราะหากปล่อยไว้เมื่อเกิดความชื้นสะสม หรือการกัดกร่อน อาจส่งผลให้ระบบไฟขัดข้องหรือเซนเซอร์ทำงานผิดพลาด สิ่งนี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูงต่อความปลอดภัย

          8.เทคนิคการยืดอายุการใช้งานรถยนต์หลังเผชิญน้ำท่วมบ่อย ๆ

สำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับการขับรถลุยน้ำท่วมขังบ่อยๆ การบำรุงรักษารถยนต์หลังน้ำท่วมไม่ใช่เพียงแค่การซ่อมแซมเฉพาะหน้าเพื่อให้ใช้งานได้เท่านั้น   แต่คือการบำรุงรักษาเชิงป้องกันด้วย (preventive maintenance) เช่น การทำความสะอาด อบแห้งระบบไฟฟ้า หรือการเข้าตรวจเช็คซีลและยางใต้ท้องรถโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดความเสี่ยงความเสียหายซ้ำซ้อน  การดูแลเหล่านี้เปรียบเสมือนการคืนชีวิตให้กับรถ และเป็นวิธีการที่ผู้ใช้รถควรยึดถือเพื่อความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว

          นายชวิศ กล่าวสรุปว่า  “ผมเชื่อว่าการดูแลรถหลังน้ำท่วม ไม่ได้หมายถึงการซ่อมแซมเฉพาะหน้าที่ศูนย์บริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ อย่างชิ้นส่วนยาง และซีลต่าง ๆ ที่อยู่ใต้ท้องรถ ซึ่งอาจเป็นส่วนที่ผู้ใช้รถมักไม่เห็น แต่ทำหน้าที่สำคัญมีผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของรถในระยะยาว  เช่น ยางรองแท่นเครื่อง เพลากลาง กันฝุ่นเพลาขับ บู๊ชปีกนก และอื่นๆ  ดังนั้น ชลิต อินดัสทรีฯ ในฐานะที่เราทำงานในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เข้าใจตรงนี้ดี ด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ที่เราได้มุ่งมั่นพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์คุณภาพสูง เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ทุกคน  ซึ่งแม้ว่าเราอาจไม่ได้อยู่ในรถของคุณ แต่เราอยู่ใต้รถของคุณเสมอ ทุกชิ้นส่วนที่เราผลิต ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ  สิ่งที่ผมอยากฝากคือ การดูแลรถอย่างถูกต้องตั้งแต่วันนี้ ไม่เพียงทำให้รถปลอดภัยขึ้น แต่ยังทำให้ผู้ใช้รถมั่นใจได้ว่า รถพร้อมใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพในระยะยาว”

          บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด มุ่งมั่นพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์คุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ “POP” ซึ่งได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างยาวนานมากกว่า 30 ปี  โดยมุ่งเน้นการผลิตชิ้นส่วนที่มีความทนทานและได้มาตรฐานสากล เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ส่วนบุคคลจนถึงรถยนต์เพื่อการพาณิชย์   สอบถามรายละเอียด ที่ร้านอะไหล่รถยนต์ชั้นนำ ตัวแทนจำหน่าย หรือเว็บไซต์ https://chalitindustry.com  โทร.02 8026400   Email: [email protected]