ประเทศไทยเตรียมพร้อมรับอนาคต AI ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของ World

  • เทคโนโลยีพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของ World เปิดตัวในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ในยุค AI
  • ในปี 2567 มีรายงานการหลอกลวง (Scam) กว่า 168 ล้านครั้ง ในประเทศไทย สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยืนยันความเป็นมนุษย์บนโลกดิจิทัล ¹
  • World เปิดให้บริการ 3 แห่งในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2568 โดยมี TIDC เป็นพันธมิตรประจำประเทศไทย

 

กรุงเทพฯ, 13 มีนาคม 2568 – ประเทศไทยก้าวสู่อนาคตดิจิทัลที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัว เทคโนโลยีพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของ World ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันว่าเป็นมนุษย์จริง (ไม่ใช่บ็อต) อย่างปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด

 

ด้วยความร่วมมือกับ Thailand International Digital Business & Finance Centre (TIDC) บริการ World’s Proof of Human จะเปิดให้บริการใน 3 จุดทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นเฟสแรกของการเปิดการให้บริการในประเทศไทย เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของการหลอกลวงทางออนไลน์ อาชญากรรมจาก Deepfake และการปลอมแปลงตัวตน ซึ่งในปี 2567 มีความพยายามหลอกลวงออนไลน์ในประเทศไทยกว่า 168 ล้านครั้ง มากกว่าปีก่อนหน้าถึงสองเท่า [1] ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการใช้ AI ในการสร้างตัวตนปลอมและหลอกลวง

 

แก้ปัญหาสุดท้าทายในยุค AI ด้วยการยืนยันความเป็นมนุษย์

 

เมื่อ AI ก้าวหน้าขึ้น การแยกแยะระหว่างมนุษย์จริงกับบ็อตบนโลกออนไลน์กลายเป็นความท้าทายที่สำคัญระดับโลก ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียเงินกว่า 42,000 ล้านบาท (1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการฉ้อโกงทางออนไลน์ ซึ่งใช้ Deepfake และเทคนิคปลอมแปลงตัวตนผ่าน AI[2]

 

ต่างจากวิธีการยืนยันตัวตนแบบเดิมที่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เทคโนโลยีพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของ World ถูกออกแบบมาเพื่อยืนยันว่าผู้ใช้เป็นมนุษย์จริง โดยไม่ต้องเก็บรวบรวมหรือจัดเก็บข้อมูลส่วนตัว วิธีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ได้โดยไม่ต้องเชื่อมโยงข้อมูลส่วนตัวกับกิจกรรมออนไลน์ของตน สร้างมาตรฐานใหม่ที่ผสานทั้งความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

 

Wai Man Raymond Chu, กรรมการบริหาร ของ TIDC กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้บริการดิจิทัลมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียมากกว่า 52 ล้านคน และกำลังมีการพึ่งพาบริการในรูปแบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ [3] แต่เทรนด์ดังกล่าวย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง ทำให้การมีเครื่องมือที่จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นโดยการแยกแยะระหว่างมนุษย์จริงกับบ็อต หรือการฉ้อโกงที่ดำเนินการโดย AI นั้นมีความสำคัญกว่าที่เคย ด้วยความร่วมมือกับ World เรากำลังนำเสนอโซลูชัน ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก ซึ่งช่วยให้บุคคลสามารถใช้ประโยชน์บนโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งเสริมให้ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลที่ปลอดภัยอีกด้วย”

 

ความน่าเชื่อถือและเข้าถึงได้ ทั้งด้านการสื่อสารและประสบการณ์บนโลกออนไลน์

 

การเปิดตัวบริการ “proof of human” ของ World ในประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจอันยิ่งใหญ่เพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัย ครอบคลุม และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถยืนยัน ว่าเป็นมนุษย์จริง โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว World ตั้งเป้าที่จะมีส่วนช่วยให้คนไทยได้ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ และควบคุมตัวตนออนไลน์ของตนเองได้ดียิ่งขึ้น

บริการของ World ต่างจากวิธีการยืนยันตัวตนแบบดั้งเดิม ที่ผู้ใช้บริการมักต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ในขณะที่ World ไม่ต้องการข้อมูลเหล่านั้น แต่ใช้เทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อตรวจสอบความเป็นมนุษย์ ไม่เก็บรวบรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถรักษาความเป็นส่วนตัวได้อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็ยังได้รับความปลอดภัยทางดิจิทัลที่ดียิ่งขึ้น

 

 

นอกจากช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในการยืนยันความเป็นมนุษย์แบบดิจิทัลที่ปลอดภัยและป้องกันการฉ้อโกงที่ขับเคลื่อนโดย AI แล้ว World ยังมุ่งเน้นส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินและการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยอีกด้วย ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Mini Apps กว่า 100 รายการ ที่เปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เข้าถึงเนื้อหาด้านการศึกษา เล่นเกม สร้างโพล และจัดตั้งชุมชนออนไลน์  นอกจากนี้ World ยังให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ในประเทศไทย ด้วยโทเคน Worldcoin (WLD) ซึ่งสามารถเคลมโทเคนได้ทุกเดือนตลอดระยะเวลาหนึ่งปี

 

วิธีเข้าถึงเทคโนโลยียืนยันความเป็นมนุษย์ของ World ในประเทศ

 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชาวไทยสามารถไปยัง 3 จุดให้บริการที่กำหนดในกรุงเทพฯ ได้แก่ 1) World Flagship ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้า EmSphere 2) ศูนย์บริการ NT แจ้งวัฒนะ และ 3) ศูนย์บริการ NT ปทุมวัน เพื่อสมัครใช้บริการของ World และในอนาคตจะมีการขยายจุดให้บริการเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

 

“เราตื่นเต้นที่ได้นำเทคโนโลยีการยืนยันความเป็นมนุษย์ระดับโลกมาสู่ประเทศไทยที่การหลอกลวงที่ขับเคลื่อนโดย AI และความท้าทายในการระบุตัวตนออนไลน์ถือเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น ภารกิจของเราคือการพัฒนาโซลูชันที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถยืนยันได้ว่าเป็นมนุษย์จริง โดยไม่ต้องมีการเปิดเผยตัวตนของผู้ใช้ นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตของโลกดิจิทัลที่น่าเชื่อถือและครอบคลุมมากขึ้นสำหรับประเทศไทย” Thiri Myint ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Tools For Humanity กล่าว

 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World และค้นหาจุดให้บริการใกล้คุณได้ที่: https://world.org/find-orb

###

 

เกี่ยวกับ World

World มุ่งหวังที่จะเป็นระบบสาธารณูปโภค (public utility) ทางการเงินและระบบยืนยันความเป็นมนุษย์ที่ใหญ่และครอบคลุมที่สุดในโลกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ World ถูกสร้างขึ้นโดย Sam Altman, Alex Blania, และ Max Novendstern โดยเครือข่าย World Network ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้กับบุคคลและองค์กรทั่วโลกโดยการให้เครื่องมือที่จำเป็นในการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลและผลักดันความก้าวหน้าของมนุษยชาติ  เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ World ได้ที่ www.world.org, on X, Discord, and YouTube.

 

เกี่ยวกับ Tools for Humanity

Tools for Humanity (TFH) เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมมากขึ้น โดยเป็นผู้นำในการพัฒนา World Network ในช่วงแรกและเป็นผู้ดูแล World App โดย TFH อยู่ภายใต้การบริหารอย่างเป็นอิสระจาก World Foundation ในอนาคต TFH จะยังคงพัฒนาเครื่องมือสำคัญที่สนับสนุน World Network และองค์กรอื่น ๆ ต่อไป อนึ่ง TFH เป็นบริษัทในเดลาแวร์ (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่:www.toolsforhumanity.com

 

เกี่ยวกับ World Foundation

World Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล World Network นอกจากนี้ยังดูแลทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ World รวมไปถึงทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับ Orb และเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สของเครือข่าย

 

เกี่ยวกับ TIDC
ศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลและการเงินของประเทศไทย (Thailand International Digital Business & Finance Centre) หรือ TIDC เป็นโครงการเชิงกลยุทธ์ที่มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค TIDC เร่งการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลโดยส่งเสริมความร่วมมือข้ามภาคส่วนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และพันธมิตรระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับวาระแห่งชาติ TIDC มุ่งเน้นที่การริเริ่มธุรกิจและเทคโนโลยีดิจิทัลที่สร้างสรรค์ เช่น ฟินเทค บล็อกเชน ปัญญาประดิษฐ์ และการเงินดิจิทัล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศ การสนับสนุนด้านกฎระเบียบ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน TIDC ช่วยให้สตาร์ตอัป SME และบริษัทต่างๆ สามารถสเกลโซลูชันที่สร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญได้ ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางชั้นนำด้านนวัตกรรมดิจิทัลและความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ (economic resilience) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ TIDC ได้ที่ www.tidc.co.th

 

 

[1]Insurance Journal/Bloomberg – “Scam Calls Hit Record in Thailand” (กุมภาพันธ์ 2568). Link

[2]Bangkok Post – “Thailand Faces $1.2 Billion in Online Fraud Losses” (ธันวาคม 2567). Link

[3]DataReportal – “Thailand Digital 2024 Report” (มกราคม 2567). Link