ยอดเข้าชม : 17
งานในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) ร่วมกับองค์กรด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำในอาเซียน กลุ่มความร่วมมือด้านแบตเตอรี่แห่งสิงคโปร์ (SBC: Singapore Battery Consortium) องค์การนาโนมาเลเซีย (NMB: NanoMalaysia) สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งฟิลิปปินส์ (eVAP: Electric Vehicle Association of Philippines) สถาบันวิจัยแบตเตอรี่แห่งชาติ ประเทศอินโดนีเซีย (NBRI: National Battery Research Institute) และ ศูนย์เทคโนโลยีด้านการขนส่งอย่างยั่งยืนแห่งชาติ ประเทศอินโดนีเซีย (NCSTT: National Center for Sustainable Transport Technology) โดยในปีนี้เป็นการวางรากฐานเพื่อขับเคลื่อนอาเซียนไปสู่อนาคตของแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัย มีความยั่งยืน และพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอุตสาหกรรม เพื่อสร้างชุมชนความร่วมมือของภาคอุตสาหกรรมในอาเซียนสำหรับการเติบโตในอนาคต
หนึ่งในไฮไลต์ที่สำคัญของงาน คือ การจัดตั้งเครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่อาเซียน (ASEAN Battery Safety Network – ABSN) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (ASEAN Committee on Science, Technology, and Innovation, COSTI) และสมาชิกประเทศอาเซียน โดย ABSN จะเป็นแพลตฟอร์มระดับภูมิภาคสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (S&T) ส่งเสริมการใช้งานแบตเตอรี่อย่างปลอดภัยในประเทศสมาชิก และเสริมสร้างบทบาทของภูมิภาคในห่วงโซ่คุณค่าแบตเตอรี่โลก ผ่านการปรับปรุงแนวทางและความก้าวหน้าในด้านความปลอดภัยของแบตเตอรี่
ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและนายกสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) เจ้าภาพหลักในการจัดงานกล่าวว่า “งานประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่อาเซียนในปีนี้ หรือ ABTC 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญของอาเซียนในด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อผลักดันนวัตกรรม ความปลอดภัย และความยั่งยืนในเทคโนโลยีแบตเตอรี่รุ่นใหม่ ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของไทยในการสร้างรากฐานเศรษฐกิจการเก็บพลังงานที่มีเสถียรภาพสูง และความมุ่งหวังของอาเซียนในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดและสร้างระบบพลังงานที่แข็งแกร่ง เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการตอบรับจากวิทยากรชั้นนำระดับโลก เช่น ศาสตราจารย์สแตนลีย์ วิตติงแฮม (Stanley Whittingham) ศาสตราจารย์ เย็ท มิง เชียง Yet-Ming Chiang และ ศาสตราจารย์เชอร์ลีย์ เหมง (Shirley Meng) ซึ่งการมาร่วมงานของวิทยากรระดับโลกเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความสำคัญของงาน ABTC ในครั้งนี้ และรวมถึงการเสริมสร้างบทบาทของภูมิภาคอาเซียนสำหรับอนาคตของพลังงาน”
ดร.ซิง ยาง เชียม (Sing Yang Chiam) ผู้อำนวยการด้านเทคนิค กลุ่มความร่วมมือด้านแบตเตอรี่แห่งสิงคโปร์ (SBC) และตัวแทนเครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่อาเซียน (ABSN) กล่าวว่า “เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากผู้นำอาเซียนในการก่อตั้งเครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่อาเซียน ซึ่งนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในความร่วมกันของสมาคมต่าง ๆ ในการรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยของแบตเตอรี่ในภูมิภาคนี้ ABSN ก่อตั้งขึ้นเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างสมาชิก การแลกเปลี่ยนความรู้ และความก้าวหน้าในด้านวิทยาศาสตร์ความปลอดภัยของแบตเตอรี่ รวมทั้งเป็นรากฐานสำหรับการใช้งานแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับประเทศสมาชิก พร้อมทั้งยกระดับบทบาทของอาเซียนในห่วงโซ่มูลค่าแบตเตอรี่ระดับโลก โดยตอนนี้ได้ดำเนินการประเมินสถานภาพปัจจุบัน ความสำคัญ และความท้าทายของแต่ละประเทศสมาชิก เพื่อร่วมกันกำหนดแผนปฏิบัติงานและแผนยุทธศาสตร์ในระยะยาวต่อไป”
ดร.เรซัล ไครี บิน อาหมัด ซีอีโอนาโนมาเลเซีย (NMB) กล่าวว่า “NMB ภูมิใจที่ได้เห็นการเติบโตของงาน ABTC ในฐานะงานประชุมที่เป็นแรงขับเคลื่อนระดับภูมิภาค สำหรับนวัตกรรมและความร่วมมือในเทคโนโลยีแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า เราเชื่อมั่นว่างาน ABTC 2026 ที่จะจัดขึ้นที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย จะสานต่อความสำเร็จนี้โดยการรวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมจากห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่มูลค่าทั้งหมดของแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าไว้ด้วยกัน และ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับพวกท่านในปีหน้า”
งานในครั้งนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญและผู้บุกเบิกด้านการกักเก็บพลังงานที่มีชื่อเสียง อาทิ ศาสตราจารย์ สแตนลีย์ วิตติงแฮม ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาเคมี (ปี 2562) จากการพัฒนาวัสดุสำหรับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน นอกจากนั้นผู้เข้าร่วมงานจะได้รับฟังการอภิปรายเชิงลึกใน 7 หัวข้อที่น่าสนใจ เช่น นโยบายด้านแบตเตอรี่ เศรษฐกิจหมุนเวียน การกักเก็บพลังงานในระดับโครงข่ายไฟฟ้า การสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ การจัดหาเงินทุนในการพัฒนาโครงการ รวมถึงหัวข้ออื่น ๆ พร้อมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชนจากหลากหลายประเทศ
จึงขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ เพื่อร่วมขับเคลื่อนอนาคตแห่งความยั่งยืน ความปลอดภัย และนวัตกรรมด้านโซลูชั่นแบตเตอรี่ขั้นสูงในภูมิภาคอาเซียน สามารถดูรายละเอียดกำหนดการและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ ทางการของงาน ABTC
การประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ของอาเซียนครั้งที่ 3 เกิดขึ้นได้ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรหลักและผู้สนับสนุนรายสำคัญ ได้แก่
- Siemens พันธมิตรด้านปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเพื่อนวัตกรรมแบตเตอรี่
- UL Standards & Engagement พันธมิตรด้านความปลอดภัยและมาตรฐาน
- Hioki ผู้สนับสนุนงานเลี้ยงสร้างเครือข่าย
- Platinum Sponsor ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) และ บริษัท แอมฟีนอล จำกัด (Amphenol)
- Gold sponsor ได้แก่ บริษัท Green Tenaga จำกัด และ บริษัท หัวเว่ย ดิจิทัล พาวเวอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Huawei Digital Power)
- Silver Sponsor ได้แก่ บริษัท PEC Technology/CD Technologies/ Trojan, บริษัท Fuzhou Fuguang Electronics จำกัด, บริษัท SK tes จำกัด, บริษัท UNIGRID Battery จำกัด, บริษัท 24M Technologies (ประเทศไทย) จำกัด, และ บริษัท INV คอร์ปอเรชั่น จำกัด
- และ Sponsor อื่น รวมถึง บริษัท AVL SEA& Australia จำกัด, บริษัท อีเอ็ม มอเตอร์ จำกัด , บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด
- พันธมิตรสนับสนุน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) และศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)
#########
เกี่ยวกับการประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ของอาเซียน (ABTC)
เป็นเวทีระดับแนวหน้าของภูมิภาคสำหรับการส่งเสริมนวัตกรรม ความปลอดภัย และความร่วมมือในด้านแบตเตอรี่ จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2566 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยได้รับการสนับสนุนเบื้องต้นจากพันธมิตรในภูมิภาค ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อจากงาน ABEVTC เป็น ABTC เพื่อสะท้อนความมุ่งเน้นอย่างชัดเจนในด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และบทบาทที่สำคัญสำหรับอนาคตด้านพลังงานของอาเซียน
ปัจจุบันงาน ABTC ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 เติบโตขึ้นและเป็นมากกว่าแค่การประชุม เพราะกลายเป็นที่ประชุมระดับภูมิภาคที่รวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรม นักวิจัย และนักนโยบายอยู่ในงานประชุมเดียวกัน หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ คือ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสมาคมแบตเตอรี่อาเซียนในปี 2566 เพื่อวางรากฐานสำหรับความร่วมมือระดับภูมิภาคในระยะยาว
สำหรับงาน ABTC ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นในปี 2568 ที่ จ.ภูเก็ต ประเทศไทย จะเป็นการเปิดตัวเครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่ของอาเซียน (ASEAN Battery Safety Network) พร้อมทั้งเน้นย้ำประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบสูงต่ออุตสาหกรรม เช่น นโยบายการส่งเสริมการลงทุนและอุตสาหกรรม เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ การกักเก็บพลังงานระยะยาว ความลอดภัย การรีไซเคิลและการดูแลเรื่องความยั่งยืน รวมถึงเรื่องการสนับสนุนให้เกิดตลาดและการเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายผลักดันให้ภูมิภาคอาเซียนก้าวสู่ระบบนิเวศแบตเตอรี่ที่ยั่งยืนและปลอดภัยมากขึ้น