ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น 2025 นี้ มาฟุกุชิมะสิบอกเลยว่าไม่ซ้ำใคร

1. ปราสาทสึรุงะ (Tsuruga Castle)  – ปราสาทไร้พ่ายที่เปรียบดั่งแลนด์มาร์กของจังหวัด

fukushima-media-tsurugajo-castle-in-autumn.jpgTsuruga Castle 2.jpg

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

ปราสาทที่เป็นดั่งหัวใจของเมืองไอสึวากามัตสึ (Aizuwakamatsu) ซึ่งเป็นเมืองยอดนิยมของจังหวัด มีจุดเด่นอยู่ที่หลังคาของปราสาทที่ยังคงรูปแบบของกระเบื้องสีแดงอย่างปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น และในปัจจุบัน ปราสาทสึรุงะเป็นปราสาทเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ยังคงรูปแบบหลังคากระเบื้องสีแดงไว้อยู่ 

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปราสาทจะถูกล้อมรอบด้วยต้นเมเปิ้ลสีแดงสดและจัดแสดงไลท์อัพให้ชมในยามค่ำ เมื่อขึ้นไปถึงยอดปราสาท เราจะได้เปิดมุมมอง 360 องศาของเมืองและทิวเขารอบๆ นอกจากนี้บริเวณด้านล่างยังมีเรือนน้ำชาและร้านขนมของฝากมากมาย 

สถานีชินคันเซ็นที่ใกล้ที่สุด: สถานีโคริยามะ
การเดินทาง:จากสถานี JR ไอสึ วากามัตสึ (JR Aizu-Wakamatsu) ให้นั่งรถบัส Haikara-san มาประมาณ 20 นาที จากนั้นลงที่ป้ายรถบัส Tsuruga-jou Iriguchi

2. มุเก็นเคียวโนะวาตาชิ (Mugenkyo no Watashi) – ช่องเขาม่านหมอกซึ่งเปี่ยมด้วยบรรยากาศลึกลับ

Mugenkyo.jpg

Mugenkyo 2.jpg

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

เมื่อมาถึงจังหวัดฟุกุชิมะ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดที่สุดก็คือ การนั่งเรือข้ามฟากชมช่องเขาม่านหมอก “มุเก็นเคียว โนะ วาตาชิ” ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกให้เป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น

สาเหตุที่สถานที่นี้ได้ชื่อว่า “ช่องเขาม่านหมอก” นั้น เพราะในช่วงตอนเช้าและตอนเย็นของฤดูร้อน ที่นี่จะเกิดหมอกลึกลับปกคลุมเหนือแม่น้ำทาดามิซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีต้นกำเนิดมาจากหิมะที่ละลาย ดังนั้นเมื่อแสงแดดอุ่นในยามเช้าหรือช่วงพลบค่ำปะทะเข้าสายน้ำที่เย็นเฉียบ จึงก่อให้เกิดไอหมอกลอยขึ้นปกคลุมทั่วหุบเขา และค่อยๆ สลายหายไปเมื่อแสงแดดจ้าในวันรุ่งขึ้นเข้าสาดส่อง

ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทิวทัศน์ตลอดสองข้างทางของแม่น้ำจะกลายเป็นสีส้มแดง ใบไม้เปลี่ยนสีเหล่านี้จะสะท้อนบนผิวน้ำ ย้อมแม่น้ำทาดามิให้ออกมาเป็นสีส้มอ่อนๆ จึงเป็นอีกฤดูกาลหนึ่งที่ได้รับความนิยม นอกจากนี้เรือไม้ที่พาเราข้ามฟากนั้น ในอดีตยังเป็นเรือที่ใช้รับส่งชาวบ้านข้ามฝั่งแม่น้ำทาดามิมาเป็นเวลายาวนานกว่า 300 ปี และคนขับเรือยังแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศ ทำให้เรารู้สึกราวกับได้ย้อนอดีตอีกด้วย

สถานีชินคันเซ็นที่ใกล้ที่สุด: สถานีโคริยามะ
การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย JR ทาดามิมาลงที่สถานี JR ฮายาโตะ 

3. หมู่บ้านโบราณโออุจิจุคุ (Ouchijuku) – หมู่บ้านยุคเอโดะ จุดแวะพักผ่อนสำหรับนักเดินทางจากเมืองไอสึไปยังนิกโก

fukushima-media-ouchi-juku (1).jpg

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

หมู่บ้านโบราณแห่งเดียวในฟุกุชิมะที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมจากยุคเอโดะไว้อย่างสมบูรณ์ ที่นี่เคยเป็นเส้นทางสัญจรสำคัญของโชกุนและพ่อค้าเมื่อกว่า 300 ปีก่อน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “เขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารดั้งเดิมสำคัญของชาติ” ตั้งแต่ปี 1981

ภายในหมู่บ้านมีอาคารกว่า 30 หลังเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบสองฝั่งของถนนสายเก่า รายล้อมด้วยภูเขาที่ถูกย้อมด้วยสีส้มแดงเป็นฉากหลัง นอกจากนี้ทางเดินขึ้นจุดชมวิวยังเดินสะดวกและไม่ไกล รับรองได้เลยว่าจะได้ภาพมุมหลังคาหมู่บ้านแบบเดียวกับของช่างภาพแน่นอน ทุกมุมทุกช็อตจึงกลายเป็นภาพสวยเหมือนในนิยาย 

fukushima-media-negisoba-at-ouchi-juku (1).jpg

นอกจากนี้ ไฮไลต์ที่ห้ามพลาดของที่นี่คือ “เนกิโซบะ (Negi Soba)” โซบะเส้นสดเสิร์ฟพร้อมต้นหอมญี่ปุ่นใช้แทนตะเกียบ ทานคู่กับน้ำซุปหวานๆ หอมโชยุอ่อนๆ เป็นประสบการณ์ท้องถิ่นสุดแปลกใหม่ที่หาได้เฉพาะที่หมู่บ้านโออุจิจูคุเท่านั้น!

สถานีชินคันเซ็นที่ใกล้ที่สุด: สถานีชินชิราคาวะ
การเดินทาง: จากสถานี Nishi-Wakamatsu ขึ้นรถไฟท้องถิ่น Aizu Railway ลงสถานี Yunokami Onsen และต่อรถบัส Saruyu-go มุ่งหน้าไปยังโออุจิจุคุ ประมาณ 20 นาที

ที่พักแนะนำสำหรับคืนนี้: โรงแรมโอคาวะโซ (Ookawaso)

Okawaso.jpgOkawaso.jpg

โรงแรมในย่านอาชิโนะมากิออนเซ็น เดินทางมาสะดวกหลังจากเที่ยวปราสาทสึรุกะหรือหมู่บ้านโออุจิจูคุ ห้องพักทุกห้องตั้งอยู่ริมธารน้ำที่ไหลจากภูเขา นอกจากนี้ยังติดกับวิวภูเขา ฉะนั้นรับรองได้เลยว่าเราจะได้เห็นทิวทัศน์ที่ถูกย้อมเป็นสีส้มแดงเมื่อมองออกมาจากหน้าต่างห้องพักแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเย็นของทุกๆ วันจะมีการแสดงชามิเซ็น ณ ใจกลางโรงแรมที่ได้รับการออกแบบภายในได้อย่างเป็นเอกลักษณ์

การเดินทาง: จากสถานี JR ไอสึ วากามัตสึ (JR Aizu-Wakamatsu) ให้นั่งรถบัส “Koriyama~Aizuwakamatsu・Ashinomaki Onsen” มาประมาณ 20 นาที จากนั้นลงที่ป้ายรถบัส Ashinomaki Marumine Mae

4. บึงน้ำห้าสี หรือทะเลสาบโกชิคินุะ Goshikinuma Ponds – ธรรมชาติอันงดงามที่ได้ดาวจาก Michelin Green Guide

Goshikinuma 1.jpg

บึงน้ำห้าสีที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในอดีต เมื่อแร่ธาตุทำปฏิกิริยากับสภาพแวดล้อมรอบด้านทำให้มองเห็นน้ำในทะเลสาบเป็นสีต่าง ๆ ตั้งแต่สีฟ้า น้ำเงินเข้ม เขียว เหลืองไปจนถึงแดง ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ธรรมชาติที่รายล้อมบึงต่างๆ จะกลายเป็นสีส้มแดงตัดกับสีของบึงอย่างงดงาม นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีกิจกรรมพายเรือ หรือถ้าหากใครสนใจชมหลายบึง ที่นี่ก็มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่เดินง่าย และเป็นเส้นทางที่สามารถชมบึงโกชิกินุมะได้ถึง 3 บึงด้วย

สถานีชินคันเซ็นที่ใกล้ที่สุด: สถานีโคริยามะ
การเดินทาง: จากสถานี JR อินะวะชิโระ (JR Inawashiro Station) ให้ขึ้นรถบัสสาย Urabandai Kogen
– สำหรับผู้ที่ต้องการชมบึงที่นิยมที่สุดบึงเดียว (Bishamon-Numa) ให้ลงที่ป้าย Mercure Urabandai
– สำหรับผู้ที่ต้องการเดินเส้นทางชมธรรมชาติของป่าอุระบันได ให้ลงที่ป้าย Urabandai Lake Resort

5. เส้นทางบันได อาซูมะ เลคไลน์ (Bandai Azuma Lake Line) – เส้นทางพิเศษสำหรับใครที่เป็นสาย Road Trip

Bandai Azuma Lake Line 1.jpg

Bandai Azuma Lake Line 2.jpg

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคม – ปลายเดือนตุลาคม

สำหรับใครที่ชื่นชอบการเช่ารถยนต์เที่ยวญี่ปุ่น เส้นทางนี้คือเส้นทางสำหรับขับรถชมใบไม้เปลี่ยนสีโดยเฉพาะ ถนนสายเลคไลน์นี้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวแห่งเดียวกับบึงน้ำห้าสี เป็นเส้นทางที่พาเราไปพบกับวิวทะเลสาบถึง 3 แห่งและหนองน้ำสวยๆ กว่า 100 แห่งโดยมีวิวใบไม้เปลี่ยนสีไปตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ ระหว่างทางเรายังสามารถแวะเดินเล่นที่ “หุบเขานาคาสึกาวะ” (Nakatsugawa Valley) ซึ่งเป็นหุบเขาที่สวยและมีชื่อเสียงในภูมิภาคโทโฮคุ หรือจะถ่ายวิวของหุบเขาจากบนสะพานก็ได้เช่นกัน

ที่พักแนะนำสำหรับคืนนี้: โรงแรมอุระบันได เลครีสอร์ท (Urabandai Lake Resort)

Urabandai Lake Resort 1.jpg

Urabandai Lake Resort.jpg

ที่พักแห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติอุระบันได อยู่ติดกับทะเลสาบฮิบาระ ทั้งยังใกล้บึงน้ำห้าสีโดยใช้เวลาเดินทางเพียง 3 นาที! ไฮไลต์ขของที่นี่คือมองเห็นวิวเทือกเขาบันได ซึ่งเป็นเป็น “หนึ่งใน 100 ภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่น” นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น กิจกรรมพาทัวร์ชมบึงน้ำห้าสี กิจกรรมพายเรือ กิจกรรมล่องเรือ ณ ทะเลสาบฮิบาระ 

ยิ่งไปกว่านั้น น้ำออนเซ็นของที่นี่ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “อ่างอาบน้ำเพื่อผิวสวย” หรือ “โลชั่นธรรมชาติ” อีกด้วย เพราะคุณสมบัติของออนเซ็นที่นี่มีกรดเมตาซิลิเกตซึ่งเป็นส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติถึง 200 มก.! 

การเดินทาง: จากสถานี JR อินะวะชิโระ (JR Inawashiro Station) ให้ขึ้นรถบัสสาย Urabandai Kogen แล้วลงที่ป้าย Urabandai Lake Resort นอกจากนี้ ที่โรงแรมยังมีรถบัสรับส่งไป-กลับสถานีอินะวะชิโระอีกด้วย


ฟุกุชิมะในฤดูใบไม้ร่วงไม่ใช่แค่จุดชมใบไม้ แต่เป็นประสบการณ์ญี่ปุ่นแท้ๆ ไม่ว่าจะทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และรสชาติของวัฒนธรรมท้องถิ่น สำหรับใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ ขอรับรองว่าจังหวัดฟุกุชิมะจะทำให้คุณรู้สึกตกหลุมรักและอยากมาอีกแน่นอน