ยอดเข้าชม : 25
ในชุมชนเล็กๆ ณ บ้านเจ๊ะเก ม.2 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเจ๊ะเกกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เด็กปฐมวัยและครอบครัว ด้วยแนวคิด “3 ดี” (สื่อดี พื้นที่ดี ภูมิดี) ลดพฤติกรรม “ติดจอ” ของเด็ก จุดประกายพัฒนาการรอบด้าน ผ่านสื่อและกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาระบบนิเวศสื่อสุขภาวะเพื่อเด็กปฐมวัย สำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา (สำนัก 11) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกลุ่ม wearehappy และภาคีเครือข่ายครูปฐมวัยทั่วประเทศ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “ติดจอ” กลายเป็นปัญหาของชุมชนเกษตร ชุมชนบ้านเจ๊ะเกมีวิถีชีวิตเรียบง่าย ผู้ปกครองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน กรีดยาง และค้าขาย แต่จากการสำรวจของครู กลับพบว่า เด็กปฐมวัยในชุมชนมีพฤติกรรมติดจอโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ขาดความรู้ในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก คณะครูจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเจ๊ะเก เห็นปัญหานี้และเชื่อว่าผู้ปกครองคือหัวใจสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลง จึงได้ริเริ่มโครงการที่ชวนครอบครัวและครูมาร่วมกันสร้างสรรค์สื่อ เพื่อลดการพึ่งพาหน้าจอและส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งในศูนย์และที่บ้าน
โครงการนี้มุ่งสร้าง นิเวศสื่อสุขภาวะ ผ่านกระบวนการและกิจกรรมที่ออกแบบให้เกิดการมีส่วนร่วมร่วมกันระหว่าง ครูและผู้ปกครองโดยมีขั้นตอน ดังนี้
- อบรมครูและผู้ปกครอง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจการผลิตสื่อการสอนและกำหนดกติกาครอบครัวร่วมกัน
- เยี่ยมบ้านเด็ก เพื่อสำรวจและกระตุ้นให้ครอบครัวมีส่วนร่วม
- ผลิตสื่อสร้างสรรค์ เช่น หุ่นมือถุงกระดาษเล่านิทาน จิ๊กซอว์ต่อภาพ และเกมจับคู่ผลไม้จานกระดาษ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในศูนย์และที่บ้าน
- ส่งเสริมการใช้สื่อ ผ่านกิจกรรมที่บ้านและในชั้นเรียน เพื่อลดการพึ่งพาโทรศัพท์
- ติดตามผล เพื่อประเมินและพัฒนากิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
คุณครู ซีตีซาเราะห์ แวยูโซ๊ะ หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเจ๊ะเก เล่าถึงกระบวนการทำงานอย่างตั้งใจ โดยแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนหลัก
ขั้นตอนแรก เริ่มจากการชี้แจ้งและสร้างความเข้าใจกับคณะครูในศูนย์ก่อน เพื่อให้ทุกคนเห็นเป้าหมายเดียวกัน จากนั้นจึงแบ่งบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน”
ขั้นตอนที่สอง คือหัวใจของโครงการ มีการประชุมผู้ปกครอง เพื่อชี้แจ้งเกี่ยวกับกิจกรรม เชิญชวนผู้ปกครอง เริ่มต้นลงมือทำ จริงๆ คณะครูเล่าถึงแนวคิด ครอบครัว 3 ดี และชวนผู้ปกครองร่วมกันผลิตสื่อสร้างสรรค์จากวัสดุใกล้ตัว หลังจากนั้น คือช่วงเวลาแห่งความภูมิใจ เมื่อผู้ปกครองได้นำสื่อที่ตัวเองทำขึ้นมาเอง สาธิตการเล่าเรื่องให้ลูกและผู้ปกครองคนอื่นๆ ฟัง
หลังจบกิจกรรม เมื่อทีมงานสอบถามผู้ปกครองเกี่ยวกับการนำ “3 ดี” ไปใช้ในชีวิตประจำวัน คำตอบที่ได้ก็น่าปลาบปลื้ม ผู้ปกครองหลายคนให้ความสำคัญกับการใช้เวลาคุณภาพกับลูกมากขึ้น เช่น พาลูกไปปั่นจักรยาน เตะบอล หรือวิ่งเล่นที่สนามใกล้ศูนย์หลังเลิกเรียน บ้างก็ทำกิจกรรมร่วมกันที่บ้าน เช่น สอนลูกเรียนอัล-กุรอาน หรือชวนกันทำงานบ้าน สำหรับปัญหาการติดจอ ผู้ปกครองก็มีเทคนิคการจัดการ เช่น ควบคุมเวลาเล่นอย่างเคร่งครัด หรือบางบ้านใช้วิธีปิดการเชื่อมต่อ Wifi ของตัวเองเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นกติกาที่สร้างขึ้นร่วมกันในครอบครัว
แนวคิด “3 ดี“ (สื่อดี พื้นที่ดี ภูมิดี) ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเด็กและครอบครัวในชุมชน กล่าวคือ
- สื่อดี ครูและผู้ปกครองร่วมกันสร้างสื่อสร้างสรรค์ ผ่านกระบวนการและกิจกรรมที่ปลอดภัยและเหมาะสมตามวัย ส่งเสริมให้เด็กคิดวิเคราะห์และเรียนรู้ด้วยตนเอง
- พื้นที่ดี ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีพื้นที่ที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็ก ทั้งสนามเด็กเล่น สระน้ำ มุมทราย และมุมการเรียนรู้ในห้องเรียน 5 มุม (มุมบ้าน วิทยาศาสตร์ บล็อก นิทาน ศิลปะ) ซึ่งช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางกายและจิตใจของเด็ก
- ภูมิดี เด็กได้รับการปลูกฝังทักษะชีวิตผ่านกิจกรรม เช่น “พานิทานกลับบ้าน” และการกำหนดกติกาครอบครัว ซึ่งช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว และส่งเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย
นอกจากนี้ มีถึง 30 ครอบครัว ที่เข้าร่วมกิจกรรมของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สามารถจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ให้เด็กได้ทั้งที่บ้านและในชุมชน ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการใช้เวลากับลูก เช่น พาไปปั่นจักรยาน เตะบอล หรือทำกิจกรรมที่บ้าน เช่น สอนอัล-กุรอาน หรือช่วยงานบ้าน และที่สำคัญคือ ผู้ปกครองยังควบคุมการใช้โทรศัพท์ของเด็กโดยจำกัดเวลาและปิด Wi-Fi เมื่อถึงเวลาที่กำหนด
ดร.สรวงธร นาวาผล ผู้อำนวยการกลุ่มwearehappy กล่าวเสริมว่า เหตุผลที่เราต้องสนับสนุนการทำงานแบบ “นิเวศสื่อสุขภาวะ“ นั้น เพราะ สื่อคือสิ่งแวดล้อม ที่มีอิทธิพลต่อทุกมิติของสุขภาวะของเด็กปฐมวัย นิเวศสื่อสุขภาวะคือการมองว่า “สื่อ” ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่เป็น “สิ่งแวดล้อม” ที่รายล้อมชีวิตของเด็ก ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อการรับรู้ ความคิด ความรู้สึก พฤติกรรม และแม้กระทั่งวัฒนธรรม การสร้างนิเวศสื่อที่ดีจึงเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีในทุกมิติ ทั้งกาย จิต สังคม และปัญญา ในยุคที่สื่อเข้าถึงง่าย การห้ามหรือควบคุมอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การทำงานแบบนิเวศสื่อสุขภาวะจะช่วยเปลี่ยนบทบาทจากผู้ควบคุมมาเป็น “ผู้สร้างสรรค์” โดยการส่งเสริมให้ผู้ปกครองและชุมชนสามารถผลิตสื่อที่ดีและสร้างพื้นที่ที่เหมาะสมให้เด็กได้เรียนรู้และเติบโตอย่างมีสุขภาวะ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชุมชนเล็กๆ แห่งนี้จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า แม้จะมีข้อจำกัด แต่เมื่อชุมชนร่วมมือกันอย่างแข็งขันและมีกลไกที่ถูกต้อง ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเด็กและครอบครัวได้เช่นที่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเจ๊ะเก จ.นราธิวาส