ยอดเข้าชม : 12
นายวชิระ แก้วกอ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของผู้ประกอบการยุคใหม่ การสนับสนุน SME จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจในประเทศ
นายวชิระ กล่าวต่อว่า สสว. ได้ดำเนินการสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของกลุ่มผู้ประกอบการ Health & Wellness เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ โดยสอดคล้องกับแผนการส่งเสริม SME ฉบับที่ 5 และแผนปฏิบัติการส่งเสริม SME ได้ให้ความสำคัญกับการเร่งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาศักยภาพธุรกิจ SME ให้สามาถเข้าถึงระบบห่วงโซ่มูลค่าของโลก หรือ Global Value Chain ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ คลัสเตอร์ธุรกิจที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ
“สสว. ยินดีส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ Health & Wellness เข้าสู่ Global Value Chain ให้มีศักยภาพสามารถเชื่อมต่อกับห่วงโซ่มูลค่าของโลกและขยายเครือข่ายทางธุรกิจในระดับสากล ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ทาง สสว. คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะสามารถเติบโตและต่อยอดธุรกิจของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง และยินดีที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพต่อไปในอนาคต” นายวชิระ กล่าว
ด้าน นายกิตติพงษ์ สาครเสถียร ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาขีดความสามารถเพื่อความยั่งยืน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสเป็นผู้รับนโยบายในการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในโครงการยกระดับผู้ประกอบการ Health & Wellness เข้าสู่ Global Value Chain ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสำคัญและมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในด้านการยกระดับและต่อยอดทางธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านการวิเคราะห์แนวโน้มทางธุรกิจและการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม Health & Wellness สามารถก้าวสู่การเชื่อมโยงกับห่วงโซ่มูลค่าระดับโลก
นายกิตติพงษ์ ระบุว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ศึกษาแนวโน้มธุรกิจ Health & Wellness ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ (Mega Trend) ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย จากข้อมูลของ Global Wellness Institute คาดการณ์ว่ามูลค่าเศรษฐกิจด้าน Wellness ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 4.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 เป็น 7.0 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจในระดับสากล และจากการเชื่อมต่อกับเครือข่ายในต่างประเทศ โครงการนี้ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 140 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการร่วมมือทางธุรกิจที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการในโครงการนี้ และคาดหวังว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะสามารถเติบโตและต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างไม่หยุดยั้ง
สำหรับโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สสว. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ส่งเสริมให้มีการ จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการมากกว่า 100 ราย มีการให้คำปรึกษาเชิงลึกกับผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาด้านความรู้ ทักษะที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้เกิดการยกระดับและต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ Global Value Chain และยังได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายในต่างประเทศ ณ ประเทศเกาหลีใต้