วิกฤต PM2.5 คุกคามชีวิตคนไทย วัฒนรักษ์ชงตั้ง ‘ศูนย์บริหารสถานการณ์ PM2.5’ ด่วน!

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช รองประธานคณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมคนสำคัญ ออกมาเตือนถึงผลกระทบอันร้ายแรงของ PM2.5 ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งปอด หลอดเลือดอุดตัน สมองเสื่อม โรคหัวใจ รวมถึงปัญหาทางระบบหายใจที่แย่ลง พร้อมเสนอแนะให้ตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์ PM2.5” เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

 

“ฝุ่น PM2.5 ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาอากาศ แต่เป็น ‘วิกฤตชีวิต’ ที่กระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมในวงกว้าง การจัดการที่ล่าช้าหมายถึงการเพิกเฉยต่ออนาคตของประเทศ” ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าว

 

7 มาตรการเร่งด่วน ช่วยลดฝุ่นพิษ PM2.5

เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังวิกฤต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์เสนอ 7 แนวทางแก้ไขที่ควรดำเนินการทันที ได้แก่

  1. ปิดโรงงานถ่านหินในพื้นที่เสี่ยง 7 วัน และเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด เช่น ก๊าซธรรมชาติ
  2. ปิดโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษเกินค่ามาตรฐาน จนกว่าจะสามารถแก้ไขได้
  3. เปลี่ยนระบบขนส่งสาธารณะเป็นพลังงานไฟฟ้า ทั้งหมดภายในปี 2570
  4. ห้ามการเผากลางแจ้งและชีวมวล พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
  5. เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง ให้ได้ 10 ตร.ม./คน ภายในปี 2573
  6. ขยายโครงการฝนหลวง ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล และภาคเหนือ ต่อเนื่องทุกวันจนกว่าค่าฝุ่นจะต่ำกว่ามาตรฐาน
  7. ยกเลิกการนำเข้าสินค้าเกษตรที่เกี่ยวข้องกับการเผา เพื่อลดมลพิษ

 

PM2.5: วิกฤตสุขภาพที่ต้องลงมือแก้ทันที

ฝุ่น PM2.5 ไม่ได้เพียงแค่ทำให้ท้องฟ้าหม่นหมอง แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเรา ส่งผลให้คนไทยจำนวนมากเผชิญกับโรคร้ายที่คร่าชีวิตไปทุกวัน

 

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า PM2.5 สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและทำลายอวัยวะสำคัญ เช่น ปอด หัวใจ และสมอง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งและโรคหลอดเลือดสมอง ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า “อากาศ” ที่เราหายใจเข้าไปทุกวัน คือ “ภัยเงียบ” ที่เรามองไม่เห็น

 ถึงเวลาแล้วสำหรับ ‘ศูนย์บริหารสถานการณ์ PM2.5’

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์เสนอให้รัฐบาลตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์ PM2.5 (ศปก.ศบPM2.5) โดยด่วน เพื่อประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนอย่างเป็นระบบ รวมถึง

  • ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในจังหวัดที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน
  • แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน พร้อมจัดโครงสร้างหน่วยงานพิเศษเพื่อทำงานอย่างเร่งด่วน
  • พัฒนามาตรการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน เช่น การใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มพื้นที่สีเขียว

 

“ฝุ่น PM2.5 ไม่ใช่แค่เรื่องของวันนี้ แต่เป็นอนาคตของลูกหลานเรา การแก้ไขปัญหานี้ต้องทำทันที เพราะทุกนาทีคือชีวิตของคนไทย” ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าวปิดท้าย

 

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับ “สงครามอากาศบริสุทธิ์” ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนต้องลุกขึ้นมาร่วมมือ เพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับคนไทยทุกคน!