ปตท. ชูผลประกอบการแข็งแกร่ง มั่นใจกลยุทธ์ใหม่ถูกทาง พร้อมเพิ่มเงินปันผล ดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล
วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568)
เปิดไตรมาสแรกของปี 2568 ตลาดเลนส์แว่นตาในไทย ก็เริ่มคึกคักขึ้นมาทันที ด้วยเหตุผลด้านไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่มีกิจกรรมหลากหลาย บวกกับพฤติกรรมการใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้คนไทยมีปัญหาสายตามากขึ้นตามไปด้วย ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ สอดรับไปกับที่ นายโกมล แรงกล้า Country Manager Rodenstock Thailand เผยถึงสถานการณ์ปัญหาด้านสายตาของคนเอเชีย โดยเฉพาะคนไทย ที่พบมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดว่า “ปัจจุบันไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไป มีการใช้งานหน้าจอต่าง ๆ มากขึ้น ในทุกวัย ทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็ก นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน และกลุ่มผู้สูงอายุ คนไทยใช้สายตาไปกับการมองหน้าจอ เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมง/วัน ความต้องการ การใช้เลนส์แว่นตาก็เพิ่มสูงขึ้น เพื่อแก้ปัญหาภาวะสายตาสั้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ ประมาณ 40% ของประชากรทั้งหมดมีอายุมากกว่า 45 ปี ซึ่งก็เป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ เพื่อให้สามารถมองได้ชัดในทุกระยะการใช้งาน เลนส์โปรเกรสซีฟ จึงเป็นที่นิยม และมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดเลนส์แว่นตา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกๆปี”
เมื่อมีการขยายตัวของตลาดเลนส์แว่นตาในไทย ทำให้แบรนด์ Rodenstock ที่มีความพร้อมในการแข่งขัน ทั้งในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ตั้งเป้าเดินหน้าทำตลาดในไทย นายโกมล แรงกล้า ได้กล่าวว่า “กว่า 140 ปีของการก่อตั้ง บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นที่จะคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์เลนส์แว่นตาที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้สวมใส่แว่นตาทั่วโลก เราใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในแบบฉบับของวิศวกรรมเยอรมัน ในการออกแบบและผลิตเลนส์ จึงทำให้ได้เลนส์ที่มีคุณภาพสูง และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สวมใส่แว่นตาในปัจจุบัน สำหรับตลาดในประเทศไทย Rodenstock ได้เริ่มเข้ามาทำการตลาดตั้งแต่ปี 2548 โดยมุ่งเน้นเป็นพันธมิตรกับร้านแว่นตาชั้นนำในประเทศ เพื่อส่งมอบเลนส์แว่นตาคุณภาพดีที่สุดเพื่อผู้บริโภค
Rodenstock เราเข้าใจความต้องการผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการเลนส์แว่นตาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์การใช้สายตาในชีวิตประจำวันให้ได้มากที่สุด เราได้คิดค้น เทคโนโลยี DNEye® ซึ่งสามารถสแกนค่าทางชีวภาพ (Biometric) ของดวงตา แล้วนำข้อมูลต่าง ๆ หลายพันจุดที่วัดได้ มาใช้ในการออกแบบเลนส์แว่นตาเฉพาะบุคคล Biometric Lens ที่มอบความคมชัดที่สุด ในทุกระยะการใช้งาน และทุกมุมมอง ให้ความสบายตาขณะสวมใส่ เรายังมีนวัตกรรมการเคลือบผิวเลนส์ใหม่ล่าสุด LayR Technology ที่ช่วยเพิ่มความคมชัด ความแข็งแรง ทนทาน ให้สามารถใช้งานเลนส์แว่นตาได้ยาวนานขึ้น อีกทั้ง นวัตกรรมเลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ Colormatic® ที่เข้ามาช่วยปกป้องดวงตาจากแสง UV แสงสีฟ้า และแสงจ้าช่วยถนอมดวงตา และสามารถใช้งานเลนส์แว่นตาได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในที่ร่มหรือกลางแจ้งอีกด้วย”
เมื่อถามถึงการแข่งขันของตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มเลนส์แว่นตาในช่วงปี 2568 นายโกมล แรงกล้า กล่าวต่อว่า “ในปัจจุบันการแข่งขันในผลิตภัณฑ์กลุ่มเลนส์แว่นตามีเพิ่มสูงขึ้น มีการแข่งขันทั้งในส่วนของราคา และโปรโมชั่น แต่ในการเลือกเลนส์แว่นตา จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพิจารณาในส่วนของคุณภาพ และการใช้งานเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะเลนส์แว่นตา 1 คู่ เราต้องใช้งานหลายปี และดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญและมีคู่เดียว จึงควรให้ความสำคัญในการเลือกเลนส์ที่มีคุณภาพ และเหมาะกับดวงตาของเราอย่างแท้จริง ในปี 2568 นี้ คาดว่าทิศทางตลาดเลนส์แว่นตา จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีความต้องการการใช้งานเลนส์แว่นตาในกลุ่มต่าง ๆ ที่เพิ่มสูง และผู้บริโภคมีการศึกษาหาข้อมูลในออนไลน์มากขึ้น จึงทำให้มีการพิจารณาเลือกเลนส์ที่ดีมีคุณภาพเพื่อใช้งานได้ตอบสนองความต้องการให้มากที่สุด เนื่องจากการแข่งขันของตลาดในประเทศไทยมีค่อนข้างสูง นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น Rodenstock มีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ชัดเจน เราร่วมกันกับพันธมิตรร้านแว่นตาคุณภาพชั้นนำ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เลนส์คุณภาพสูงให้กับผู้ที่ต้องสวมใส่เลนส์แว่นตา เราตระหนักถึงปัญหาของผู้ที่ต้องสวมใส่เลนส์แว่นตา ผลิตภัณฑ์เลนส์ของ Rodenstock จะเข้ามาช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต ภายใต้ปรัชญาที่ว่า B.I.G. VISIONTM FOR ALL เพื่อการมองเห็นที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน นอกจากนี้ เรายังมีการทำการสื่อสารทางการตลาดในช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ความรู้ และข้อมูลต่าง ๆ ถึงผู้บริโภคให้ได้ประโยชน์มากที่สุด สำหรับเป้าหมาย ในปี 2568 นี้ เราตั้งเป้าการเติบโตไว้อยู่ที่อย่างน้อย 16% เนื่องจากเลนส์ Rodenstock ได้รับความนิยม และมีการตอบรับที่ดีเยี่ยม มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เลนส์ในรุ่นที่ขายดี มีการเติบโตสูงสุด คือเลนส์ ในรุ่น Impression® เพราะเป็นเลนส์ที่ดีที่สุด ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และสามารถออกแบบให้เหมาะกับดวงตาของแต่ละบุคคล ที่มีความแตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม”
กลุ่มลูกค้าที่เป็นฐานสำคัญของแบรนด์ นายโกมล แรงกล้า เผยอีกด้วยว่า เป็นกลุ่มผู้บริโภคอายุ 45 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มฐานลูกค้าหลักที่สำคัญในปัจจุบัน และในปีนี้ Rodenstock จะเพิ่มการสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคช่วงอายุ 25 – 45 ปี มากขึ้น เพื่อให้ได้มีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ และการมองเห็นที่ยอดเยี่ยมจากการใช้เลนส์ Rodenstock อีกด้วย
“เรายังคงความเป็นจุดแข็งของแบรนด์ Rodenstock ในด้านคุณภาพ และเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีเลนส์เฉพาะบุคคล ที่ทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเรามาอย่างต่อเนื่อง Rodenstock จึงมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเป็นพันธมิตรที่ดีเยี่ยม กับร้านแว่นตาคุณภาพชั้นนำในประเทศไทย สิ่งที่ Rodenstock แตกต่างชัดเจนจากแบรนด์ทั่ว ๆ ไป คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการออกแบบเลนส์ ที่มีการนำเอาค่าทางชีวภาพของดวงตาในแต่ละคน (Biometric Data Set) มาใช้ในการออกแบบและผลิตเลนส์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Rodenstock ในปัจจุบัน เลนส์ที่ได้จึงเป็นเลนส์เฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง เราเชื่อว่าทุก ๆ ดวงตามีความแตกต่าง เลนส์จึงต้องออกแบบมาให้เข้ากันกับดวงตาในแต่ละคู่จริง ๆ จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน ผู้บริโภคส่วนใหญ่ ไว้วางใจ เพราะเลนส์ Rodenstock เป็นเลนส์ที่มีคุณภาพสูง เป็นแบรนด์ที่มีการยอมรับทั่วโลก ตอบโจทย์เรื่องความคมชัด และใส่สบาย”
นอกจากนี้ นายโกมล แรงกล้า ยังได้กล่าวปิดท้ายอีกว่า “ผมยังมุ่งเน้นที่จะพัฒนาและสร้างทีมงานที่มีคุณภาพ ทั้งความสามารถและการบริการที่ดี เพื่อตอบโจทย์ในด้านกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตร และพร้อมรับมือกับการแข่งขันทางการตลาดที่มีสูงขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อเราทำได้ดี Rodenstock ก็จะเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดของร้านแว่นตาอย่างแท้จริง”
อัปเดตข้อมูลข่าวสารและติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่
Rodenstock Thailand: https://www.facebook.com/RodenstockTH
ชูแนวคิด “พลังสตรีเสริมสร้างงานที่มีคุณค่า พัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” เปิดตัว 30 สตรีทำงานดีเด่น ปี 2568 นำโดย “ผู้ว่าการ ททท. – เชอรี่ เข็มอัปสร – มิ้นท์ อรชพร” พร้อมผลักดันสิทธิลาคลอด 120 วัน และเปิดศูนย์ที่ปรึกษาแรงงานหญิง
In an era where AI and technology are advancing rapidly, the online world is filled with both opportunities and challenges. Fake information, identity fraud, and cyberattacks have become increasingly complex to handle. AI-powered bots can generate fake news, impersonate real people, and even execute financial scams seamlessly. At the same time, phishing and malware have evolved to become even more deceptive. Establishing effective, secure ways to distinguish human activity from bots online is now more important than ever.
ในยุคที่ AI และเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โลกออนไลน์เต็มไปด้วยทั้งโอกาสและความท้าทาย ข้อมูลเท็จ การปลอมแปลงตัวตน และการโจมตีทางไซเบอร์กลายเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและทำให้จัดการยากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ บอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถสร้างข่าวปลอม ปลอมแปลงเป็นบุคคลจริง และแม้แต่ดำเนินการหลอกลวงทางการเงินได้อย่างแนบเนียน ในขณะเดียวกัน การโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) และมัลแวร์ (Malware) นั้นมีการพัฒนาให้มีความแนบเนียนมากขึ้น การสร้างวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพื่อแยกแยะกิจกรรมของมนุษย์จากบอทในโลกออนไลน์จึงมีความสำคัญมากกว่าที่เคย
จัดทำ “โครงการประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์ (Logo) ครบรอบ 78 ปี อ.อ.ป.” ขึ้น เพื่อเป็นการสื่อสารและสร้างการรับรู้ในบทบาทและภารกิจของ อ.อ.ป. ต่อสาธารณชน ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อ.อ.ป. มากยิ่งขึ้น ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2568
กลุ่ม ปตท. เดินหน้าสู่ Net Zero ศึกษาการใช้ CCUS และไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ