ผ้าเบรค Akebono คุณภาพที่ไว้ใจได้เพื่อความปลอดภัยของรถคุณ
Akebono เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีระบบเบรค ได้รับการยอมรับในด้านนวัตกรรม ความทนทาน และประสิทธิภาพ ผ้าเบรค Akebono ให้แรงเบรคที่มั่นคง เงียบ และเชื่อถือได้ในทุกการเดินทาง
ช่วงล่างของรถยนต์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดสำหรับการขับขี่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ หากช่วงล่างมีปัญหา เช่น หลวม โคลงเคลง หรือเสื่อมสภาพ อาจส่งผลให้การควบคุมรถลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ และทำให้การขับขี่ไม่นุ่มนวล ผู้ขับขี่รถยนต์ควรจักกับวิธีการดูแลตรวจเช็คเบื้องต้น และให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจซ่อมบำรุงและปรับปรุงช่วงล่างรถยนต์ให้แน่น ฟิต พร้อมรับมือทุกสภาพถนน ช่วยให้ผู้ใช้รถขับขี่ได้อย่างมั่นใจเตรียมพร้อมสำหรับทุกการเดินทางอย่างปลอดภัย
นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ภายใต้แบรนด์ “POP” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์มาตรฐานสากลฝีมือคนไทยที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี แนะนำว่า การตรวจเช็คและดูแลช่วงล่างของรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ผู้ใช้รถควรตรวจสอบสภาพช่วงล่างของรถเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากเดินทางไกลหรือขับขี่บนเส้นทางขรุขระ เพื่อป้องกันความเสียหายและช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ เนื่องจาก ช่วงล่างของรถยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ หากช่วงล่างมีปัญหา อาจทำให้รถสูญเสียการทรงตัว เกิดเสียงดัง หรือมีอาการสั่นสะเทือนขณะขับขี่ ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้

10 ข้อควรรู้ในการตรวจสอบดูแลสภาพช่วงล่างรถยนต์
1. ตรวจสอบยาง: ความดันลมยาง ควรเช็คและปรับความดันลมยางให้ถูกต้องตามที่ผู้ผลิตแนะนำ ตรวจสอบดอกยาง ดูว่ามีการสึกหรอมากเกินไปหรือไม่ โดยใช้เหรียญหรือเครื่องมือวัดความลึกดอกยาง และที่สำคัญต้องเช็คสภาพยางสม่ำเสมอ เช็ครอยแตก, การบวม, หรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจทำให้ยางเสียหาย
2.ตรวจสอบระบบเบรก: ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก และเปลี่ยนตามที่ผู้ผลิตแนะนำ ที่สำคัญควร ตรวจสอบผ้าเบรก เช็คความหนาและสภาพของผ้าเบรกเพื่อป้องกันเสียงผิดปกติ หรือการสึกหรอที่ไม่สมบูรณ์
3. ตรวจสอบโช๊คอัพ: ดูสัญญาณการรั่วซึม เพื่อตรวจสอบรอยน้ำมันที่อาจรั่วจากโช๊คอัพ นอกจากนี้ควร ทดสอบการทำงานของโช๊คอัพ ดูประสิทธิภาพความยืดหยุ่นโดยกดที่มุมรถแล้วปล่อยดูว่ารถกลับคืนได้เร็วหรือช้า
4ตรวจสอบสปริง: เช็คความเสียหาย เช่น การเปลี่ยนรูปหรือการแตกของสปริง และควรทำความสะอาดจากสิ่งสกปรกเพื่อป้องกันการกัดกร่อน
5. ตรวจสอบพวงมาลัย: เช็คการตอบสนอง โดยทดสอบว่าพวงมาลัยหมุนได้อย่างนุ่มนวล หรือมีเสียงผิดปกติ และควรตรวจสอบความหลวม เช็คการยึดติดของส่วนประกอบในระบบพวงมาลัย
6. ตรวจสอบข้อต่อและบูช: ตรวจสอบสภาพการใช้งาน มองหารอยแตกหรือการสึกหรอที่จุดเชื่อมต่อ และ ตรวจสอบการติดตั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าชิ้นส่วนยึดติดอย่างแน่นหนา
7. ตรวจสอบการบาลานซ์ล้อ: การบาลานซ์ล้อ ควรทำการบาลานซ์ล้อเป็นระยะ เพื่อป้องกันการสึกหรอไม่สม่ำเสมอ
8. ตรวจสอบระบบขับเคลื่อน: ตรวจดูเพลาขับ เช็คว่ามีรอยแตก หรือสัญญาณการเสียหาย และน้ำมันหล่อลื่น ควรตรวจสอบระดับน้ำมันในระบบขับเคลื่อนและให้เติมตามความจำเป็น
9. ทำความสะอาดช่วงล่าง: ควรล้างโคลนและสิ่งสกปรก เพื่อลดการกัดกร่อนและช่วยให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
10. การตรวจเช็คตามระยะ: ควรตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ และให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คช่วงล่างอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือทุก 10,000-15,000 กม.

การดูแลช่วงล่างรถยนต์อย่างละเอียดและสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้รถยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในระยะยาว ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ นอกจากนี้ การเลือกใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์จะมีสมรรถนะที่ดีและปลอดภัยต่อการใช้งาน ช่วงล่างแน่นฟิตยาวนาน พร้อมขับขี่อย่างปลอดภัย
บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด มุ่งมั่นพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์คุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ “POP” ซึ่งได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างยาวนานมากกว่า 30 ปี โดยมุ่งเน้นการผลิตชิ้นส่วนที่มีความทนทานและได้มาตรฐานสากล เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ส่วนบุคคลจนถึงรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ สอบถามรายละเอียด ที่ร้านอะไหล่รถยนต์ชั้นนำ ตัวแทนจำหน่าย หรือเว็บไซต์ https://chalitindustry.com โทร.02 8026400 Email: [email protected]
Akebono เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีระบบเบรค ได้รับการยอมรับในด้านนวัตกรรม ความทนทาน และประสิทธิภาพ ผ้าเบรค Akebono ให้แรงเบรคที่มั่นคง เงียบ และเชื่อถือได้ในทุกการเดินทาง
กรุงเทพฯ – เพื่อตอบรับยุทธศาสตร์ระดับชาติของไทยด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2050 เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (EV Bike) รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ โดยนำเทคโนโลยีพลังงานสะอาดมาปรับใช้ในระบบการจัดส่งสินค้าปลายทางสุดท้าย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่ง พร้อมช่วยผลักดันอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
Bangkok – In support of Thailand’s national strategy to achieve Carbon Neutrality by 2050 and Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050, J&T Express Thailand has officially launched its new Electric Vehicle (EV) Bike. The model applies clean-energy technology to last-mile delivery operations to enhance delivery efficiency while accelerating the logistics industry’s transition toward a low-carbon and sustainable future.
กรุงเทพฯ – เพื่อตอบรับยุทธศาสตร์ระดับชาติของไทยด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2050 เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (EV Bike) รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ โดยนำเทคโนโลยีพลังงานสะอาดมาปรับใช้ในระบบการจัดส่งสินค้าปลายทางสุดท้าย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่ง พร้อมช่วยผลักดันอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
Toyota Wins Three Segment Awards; Honda and Mitsubishi Each Receive Two Awards
ล่าสุดเจ.ดี.พาวเวอร์ เผยผลการศึกษาคุณภาพรถยนต์ใหม่ในประเทศไทย ประจำปี 2568 ชี้คนไทยรายงานปัญหาเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเสียงรบกวนภายในรถ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) และความรวดเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ ส่วนอีซูซุ เอ็มจี บีวายดีติดโผคว้ารางวัลยอดเยี่ยมประจำปีนี้ด้วย
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ข้าพระพุทธเจ้า ทีมงานเว็บไซต์ PRNewsPlus
PRNewsPlus