ซื้อ 1 แถม 1 ไอริส โอยามะ ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวแบบเปียก เพื่อสุขอนามัยที่ดี
ซื้อ 1 แถม 1 ไอริส โอยามะ ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวแบบเปียก เพื่อสุขอนามัยที่ดี
    บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน แบรนด์ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ผนึกกำลัง 6 แบรนด์พันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ COTTO, JOTUN, BEKO, JBP, Haier และ Gyproc ร่วมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้รับฉลากสิ่งแวดล้อม ภายใต้แคมเปญ “ฮักโลก” (Hug The Earth) ที่เป็นความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการพลังงาน หอการค้าไทย ร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัล พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายพันธมิตร เพื่อกระตุ้นเทรนด์ที่อยู่อาศัยสีเขียว ตามที่ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญในการใช้สินค้า และวัสดุก่อสร้างและนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และสอดรับกับเทรนด์ที่ผู้บริโภคทั่วโลกเกือบ 70% มุ่งหวังให้ภาคธุรกิจและแบรนด์ต่าง ๆ เป็นผู้นำการเปลี่ยนปแลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจซื้อที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญ Green Housing
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮมให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยส่งเสริมทั้งพนักงานในองค์กร และคู่ค้าให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมสนับสนุนสินค้าและบริการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เพื่อกระตุ้นพฤติกรรมด้านความยั่งยืน โดยภายใต้เป้าหมายดังกล่าวได้มีการยกะดับตลาดวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านเข้าสู่ยุคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านการดำเนินความร่วมมือกับแบรนด์พันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายเดียวกัน เพื่อหนุนผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่สอดรับกับ Pain point ทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความต้องการของบริโภคในหลากหลายกลุ่มที่หันมาให้ความสำคัญกับการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี รวมถึงลดปริมาณการใช้ทรัพยากร
ในฐานะผู้ให้บริการหลักในตลาด และบีเอ็นบี โฮม พบว่าเทรนด์การตกแต่งบ้านในปีนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการดีไซน์ที่ควบคู่ไปกับการใช้วัสดุต่างๆที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ภาคธุรกิจต่างปรับการออกสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อรองรับลูกค้าสายรักษ์โลกที่มีมากขึ้น อาทิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวดิ่งที่มุ่งนำเสนอนวัตกรรมที่อยู่อาศัยแบบประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุก่อสร้างและการตกแต่งที่ช่วยป้องกัน – ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ฯลฯ โดยล่าสุด กลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล ยังขานรับกับเทรนด์ที่เกิดขึ้น โดยร่วมกับหอการค้าไทยเปิดตัวสัญลักษณ์ฮักโลกในโครงการ Hug The Earth เพื่อนำเสนอกลุ่มสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้สามารถเลือกซื้อสินค้ากลุ่มรักษ์โลกได้อย่างสะดวก ตลอดจนสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ยั่งยืนให้มีจำนวนมากขึ้นในอนาคต
“ไทวัสดุเป็นอีกหนึ่งในผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการ Hug The Earth โดยร่วมกับ 6 แบรนด์พันธมิตร (ระยะที่ 1) นำสินค้านวัตกรรมรักษ์โลกจัดจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ทุกสาขาทั่วไทย ได้แก่
แบรนด์ คอตโต้ (COTTO) สินค้าสุขภัณฑ์ และกระเบื้อง COTTO Eco Collection กระเบื้องเซรามิก แนวคิด “Zero Waste” ที่มีการนำวัตถุดิบที่เหลือทิ้งเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่
แบรนด์โจตัน (JOTUN) สีพรีเมียม ‘มาเจสติก เซนส์’ ปลอดภัยต่อสุขภาพ ด้วย Clean Air Technology ที่ช่วยฟอกอากาศภายในบ้านให้สะอาด และเพิ่มคุณภาพอากาศภายในบ้าน หายใจได้อย่างสะดวก ไร้กลิ่นรบกวน
แบรนด์เจบีพี (JBP) แบรนด์ เจบีพี (JBP) สีทาอาคารคุณภาพสูง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบรรจุในถังที่ผลิตจากพลาสติก PCR (Post-Consumer Recycled Plastic)
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดปริมาณขยะพลาสติก
แบรนด์เบโค (Beko) ผู้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านคุณภาพมาตรฐานยุโรปที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นพันธกิจหลัก โดยมีการคิดค้นพัฒนาต่อยอดจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอย่าง แกลบ มาผสมกับเม็ดพลาสติกโพลิโรพิลีน (PP) นำไปใช้แทนการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกในตู้เย็น
แบรนด์ไฮเออร์ (Haier) เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศที่ใช้น้ำยาแอร์ R32 ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก และมี Eco Mode โหมดประหยัดพลังงาน
และแบรนด์ยิปรอค (Gyproc) แผ่นยิปซั่มที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลจาก CDW (Contruction Demolished Waste) และสามารถนำแผ่นยิปซั่มมารีไซเคิลได้อีก ซึ่งเป็นการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการใช้พลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายจากแบรนด์ดัง รับรองด้วยฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า หรือผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น เตารีด เตาไมโครเวฟ พัดลม ฯลฯ รวมถึง
ผลิตภัณฑ์ระบบโซล่าเซลล์ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คุณภาพสูง ในราคาคุ้มค่า พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่เลือกซื้อสินค้ารักษ์โลก เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนไทยหันมาเลือกใช้สินค้าที่ดีต่อโลกและสุขภาพมากขึ้น โดยจะได้พบกับความคุ้มค่าถึง 4 ต่อ คือ ต่อที่ 1 ซื้อสินค้าครบทุก 3,000 บาท/ใบเสร็จ รับฟรี 1 สิทธิ์ชิงโชค ร่วมลุ้นรับทองคำแท่งหนัก 30 บาท และของรางวัลอื่นๆมูลค่ารวมกว่า 1,500,000 บาท* ต่อที่ 2 ซื้อสินค้าโครงสร้าง สินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า ครบทุก 5,000 บาท/ใบเสร็จ รับฟรีคูปองส่วนลด 500 บาท และซื้อครบทุก 10,000 บาท/ใบเสร็จ รับฟรี คูปองส่วนลด 1,000 บาท* ต่อที่ 3 ซื้อสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า ครบ 35,000 บาทขึ้นไป รับเพิ่มบัตรกำนัลเงินสดสูงสุด 28,000 บาท* ต่อที่ 4 สะสมยอดซื้อทั้งร้าน (สินค้าโครงสร้าง สินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า) รับบัตรกำนัลเงินสดและบัตรกำนัลทองคำมูลค่าสูงสุด 150,000 บาท* พิเศษ! สมาชิก The1 แลกคะแนนสุดคุ้ม ส่วนลดสูงสุด 14% ใช้คะแนน 1,400 บาท แลกส่วนลด 200 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 27 มี.ค.2568
* โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด”
“ ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ได้ยึดหลักปรัชญาการดำเนินธุรกิจ CRC CARE ในด้าน Care for the Environment โดยการลงทุนและทุ่มเทให้เป็นธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านรายแรกที่ปรับเปลี่ยนระบบขนส่งมาสู่ รถรรทุกพลังงานไฟฟ้ากรีนโลจิสติกส์ ที่สามารถลดการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 900 ตันต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 21,000 ต้น รวมถึงการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในร้านไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ไปแล้วกว่า 90 สาขา ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้าพลังงานไฟฟ้า ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำให้ซีอาร์ซี ไทวัสดุเป็นกลุ่มธุรกิจรีเทลฮาร์ดไลน์สีเขียวชั้นนำควบคู่กับการสร้างความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
ติดตามโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์สุดคุ้มมากมายจากไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ได้ที่ www.thaiwatsadu.com, Line : @Thaiwatsadu , Facebook: Thai Watsadu และ BnB home: www.bnbhome.com , Line : @bnbhometh , Facebook: BnB home หรือโทร 1308
ซื้อ 1 แถม 1 ไอริส โอยามะ ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวแบบเปียก เพื่อสุขอนามัยที่ดี
ในวันที่ 18 ตุลาคม เวลา 12:00 น. เป็นต้นไป พบกับการเปิดจำหน่ายผลงานจาก Gongkan ที่ SASOM ทั้งคอลเลกชัน Public But Private (2023) และ No Heart Here (2024 และ 2025) ซึ่งนับเป็นการ Full Collection Launch ของความร่วมมือระหว่าง SASOM และ gongkanthings ที่นำผลงานสุดไอคอนิกกลับมาวางจำหน่ายอีกครั้งแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่ SASOM ให้แฟน ๆ ได้สะสมอย่างครบเซตในที่เดียว
ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน “ชาบูชิ” (Shabushi) เดินหน้าพัฒนาและยกระดับคุณภาพทั้งในด้านสินค้า บริการ และประสบการณ์การรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “Good Taste Great Time Never End” หรือ “รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด” เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเพิ่ม “ทางเลือก” ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าและทุกโอกาสการบริโภค กลยุทธ์สำคัญที่ถูกนำมาใช้ในปีนี้ หนึ่งในนั้นคือ “Segmentation Marketing” หรือกลยุทธ์การตลาดแบบแยกกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน ซึ่งมุ่งทำความเข้าใจความแตกต่างด้านพฤติกรรมและทำเล (Location-Based Behavior) ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อออกแบบประสบการณ์ที่เหมาะสมและตรงใจ โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มหลัก ได้แก่ สาขาใน “ห้างสรรพสินค้า” (Department Store) และสาขาใน “ไฮเปอร์มาร์เก็ต” (Hypermarket) ซึ่งแต่ละเซกเมนต์ได้รับการพัฒนาให้มีจุดขายและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชาบูชิ สาขาใน “ห้างสรรพสินค้า” = Lifestyle & Experience สำหรับสาขาในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้บริโภคมองหาประสบการณ์เชิงไลฟ์สไตล์ ชาบูชิ ได้พัฒนาและเปิดตัว “ร้านดีไซน์ใหม่” เพื่อยกระดับประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นในมิติที่เหนือกว่าทั้งด้านอาหาร บริการ และบรรยากาศ โดยชูจุดเด่นสำคัญอย่าง “Sushi-Master Station” ครัวเปิดที่ให้ลูกค้าได้ชมทุกขั้นตอนของการสร้างสรรค์ซูชิอย่างสดใหม่...คำต่อคำ ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ไปจนถึงการจัดเสิร์ฟอย่างประณีต ซึ่งช่วยสร้างทั้งความมั่นใจในคุณภาพและความประทับใจในทุกมื้ออาหาร ในด้านบริการ ชาบูชิ ยังคงนำเสนอทางเลือกบุฟเฟต์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละกลุ่มอย่างครอบคลุม โดยมี 3 ระดับ ได้แก่ “Regular Buffet” (สุขอิ่ม) 399 บาท+/ท่าน, “Premium Buffet” (สุขคุ้ม) 499 บาท+/ท่าน, และ “Platinum Buffet” (สุขล้น) 599 บาท+/ท่าน ซึ่งแต่ละคอร์สออกแบบมาให้เหมาะสมกับความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้า ทั้งในด้านความหลากหลาย คุณภาพ และความคุ้มค่า ปัจจุบัน ร้านดีไซน์ใหม่เปิดให้บริการแล้วในหลายพื้นที่ ประกอบด้วย ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ชั้น G ซึ่งเป็นสาขานำร่อง, เซ็นทรัล ขอนแก่น, มาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน, เกตเวย์ เอกมัย, เซ็นทรัล พัทยา, เซ็นทรัล ศาลายา, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล นครศรีธรรมราช, จังซีลอน ภูเก็ต และเร็ว ๆ นี้ ที่ เซ็นทรัล กระบี่ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการขยายการปรับโฉมร้านดีไซน์ใหม่ในสาขาหลักทั่วประเทศ โดยเน้นศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพื่อสร้างภาพจำแบรนด์ใหม่ให้ชัดเจนและทันสมัยในระดับประเทศ ชาบูชิ สาขาใน “ไฮเปอร์มาร์เก็ต” = Value & Convenience ขณะที่สาขาในไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่า” และ “ความสะดวกสบาย” ชาบูชิ ได้ออกแบบกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในด้านราคาและความยืดหยุ่นในการเลือกบริโภค โดยเปิดตัวบุฟเฟต์ใหม่ “ซูเปอร์คุ้ม” 259 บาท+ (บุฟเฟต์หมูหมู) ฟินคุ้มเมนูชาบู – ชาบู เนื้อหมู เนื้อไก่ ลูกชิ้น และผักสด อิ่มครบเมนูอาหารรับประทานเล่น พร้อมผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่ม รวมแล้วกว่า 50 เมนู มาพร้อมทางเลือกอัปเกรด “คุ้มพลัส” 39 บาท+ เพียงจ่ายเพิ่มเพียงเล็กน้อยก็สามารถเพิ่มความอร่อยด้วย 9 เมนูสุดฮิต ทั้งกุ้งสด เนื้อฮารามิ เนื้อสไลซ์ และซีฟู้ดหลากชนิด เพื่อให้ลูกค้าเลือกความคุ้มค่าตามงบประมาณและรสนิยมได้อย่างอิสระ ขณะเดียวกัน ชาบูชิ ยังคงให้บริการบุฟเฟต์ “สุขอิ่ม” 399 บาท+ สำหรับลูกค้าประจำที่ต้องการประสบการณ์เต็มรูปแบบ ทั้งชาบู – ชาบู ซูชิ และเมนูอาหารรับประทานเล่น เช่น กุ้งเทมปุระ ตลอดจนผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่ม รวมกว่า 70 รายการ พร้อมให้บริการแล้วกว่า 72 สาขาทั่วประเทศ ที่ ชาบูชิ สาขาในไฮเปอร์มาร์เก็ต ครอบคลุมทำเลหลัก เช่น บิ๊กซี, โลตัส, และคอมมูนิตี้มอลล์ต่าง ๆ (ดูสาขาที่ร่วมรายการ คลิก https://oishifood.com/page/shabushi-buffet259) ตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและสร้างความคึกคักให้ตลาดร้านอาหารช่วงปลายปี ทั้งหมดนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของ ชาบูชิ ในการทำความเข้าใจลูกค้าแบบ “Insight-Driven” และปรับกลยุทธ์เชิงพื้นที่ เพื่อสร้างสมดุลระหว่าง “ประสบการณ์ที่เหนือกว่า” และ “คุณค่าที่จับต้องได้” โดยมุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความคุ้มค่า ควบคุมงบประมาณได้ และสามารถเลือกได้ตามสไตล์ของตนเอง ชาบูชิ มั่นใจว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ในมิติใหม่ ขยายฐานลูกค้าได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น และตอกย้ำการเป็น “Top of Mind Brand” ที่ผู้บริโภคนึกถึงเป็นชื่อแรก ๆ เมื่อพูดถึงชาบู – ชาบู และซูชิ พร้อมเดินหน้าต่อยอดกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ “รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด” เข้าถึงใจผู้บริโภคทุกกลุ่มทั่วประเทศอย่างแท้จริง
โค้งสุดท้ายของงานเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ปลายปีมาถึงแล้ว! ใครกำลังเล็งอัปเกรดบ้านก่อนเข้าช่วงเทศกาล ต้องรีบมา! 11–13 ต.ค. 2568 นี้ 3 วันสุดท้าย! "โฮมโปร อิเล็คทริค เอ็กซ์โป" ที่ อิมแพค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9
โออิชิ อีทโตะ (OISHI EATO) สร้างปรากฎการณ์ความอร่อย ล่าสุด เปิดตัวเมนูเกี๊ยวซ่าฟิวชันที่ทั้งแปลกใหม่และลงตัว ขอแนะนำให้ลอง โออิชิ อีทโตะ เกี๊ยวซ่า ไส้หมูผักโขมชีส พร้อมเอาใจนักกินและคนรักเกี๊ยวซ่า ด้วยเกี๊ยวซ่าญี่ปุ่น สูตรพิเศษ แป้งบาง นุ่ม ผสานรสชาติที่กลมกล่อม ลงตัว ด้วยไส้หมูผักโขมชีส ที่คัดสรรเนื้อหมูคุณภาพดี มาเข้าคู่กับผักโขมอบชีส อร่อยแบบยืด ๆ ชีสมอสซาเรลลา...เข้มข้น หอม อร่อย ไม่เหมือนใคร และสามารถนำไปสร้างสรรค์ได้ตามใจหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะทอด นึ่ง ต้ม หรืออุ่นไมโครเวฟ ก็สะดวก อร่อย ให้ทุกช่วงเวลายิ่งมีสีสัน และสุขล้ำกว่าเคย โดยวางจำหน่ายในรูปแบบแช่แข็ง ขนาดจุใจ 12 ชิ้น ราคาแพ็กละ 129 บาท ที่ บิ๊กซี ทุกสาขาใกล้ ๆ คุณ ติดตามข้อมูลข่าวสาร หรือโปรโมชันที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติม คลิกแฟนเพจโออิชิอีทโตะ: www.facebook.com/OishiEatoThailand #OISHIEATO #OISHIEATOGYOZA #โออิชิอีทโตะเกี๊ยวซ่า #เกี๊ยวซ่าไส้หมูผักโขมชีส #อร่อยแบบยืดๆ #เข้มข้นหอมอร่อยไม่เหมือนใคร
งานลดใหญ่ปลายปีที่คนรักบ้านเฝ้ารอกลับมาแล้ว HÄFELE Big Clearance Sale 2025 มหกรรมลดแห่งปี ที่ชวนให้นักช้อปนักแต่งบ้านเจอดีลแรงตั้งแต่หน้าสตูดิโอ ลดสูงสุด 90%! พร้อมขบวนของแต่งบ้านและอาคารครบทุกไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่ในครัว ห้องน้ำ ไปจนถึงอุปกรณ์สร้างบรรยากาศภายในบ้านและสมาร์ทโฮม พร้อมกิจกรรมความสนุกคืนกำไรจัดเต็ม!
