“สวนทรายงาม” กับแนวทางการเกษตรอินทรีย์ ปลูกอนาคตที่ยั่งยืน เพื่อคนและโลก

“บริษัท สวนทรายงาม จำกัด” ธุรกิจสวนเกษตรอินทรีย์ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ภายใต้การบริหารของกลุ่มธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้เอสวีแอล กรุ๊ป (SVL Group) ทำธุรกิจสวนเกษตรที่รักษาสมดุลของธรรมชาติและส่งเสริมการผลิตพืชผลทางการเกษตรที่ยั่งยืน ด้วยยึดแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

นายศิวโรจน์ เสาวมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สวนทรายงาม จำกัด เปิดเผยว่า “สวนทรายงาม” ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการที่ยึดมั่นในความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจ, สังคม, และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งยึดถือหลักธรรมาภิบาลที่เข้มงวด เพื่อให้ทุกกิจกรรมของบริษัทมีส่วนในการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

“สวนทรายงาม” ได้เลือกใช้แนวทางของการทำเกษตรแบบผสมผสาน โดยปลูกพืชหลากหลายทั้งปาล์มน้ำมัน, ยางพารา, ยูคาลิปตัส, กระถินเทพา, และเมล่อน ฯลฯ ที่มีการดูแลด้วยวิธีเกษตรอินทรีย์ที่เข้มข้น อาทิ การใช้ปุ๋ยจากมูลไส้เดือน และการทดลองปุ๋ยจากใบกระถินเทพา เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน และลดการใช้สารเคมี รวมถึงมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพยังเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาความชุ่มชื้นในดิน และลดการใช้น้ำที่ไม่จำเป็น จึงทำให้สวนทรายงามสามารถผลิตพืชผลคุณภาพสูง เช่น เมล่อนที่มีรสชาติหวานฉ่ำ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และตอบสนองความต้องการของตลาดที่มองหาผลผลิตที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน ประกอบกับเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกและไม่ได้หยุดแค่การเกษตรอินทรีย์เท่านั้น แต่ยังคงเดินหน้าสร้างอนาคตด้วยการปลูกไม้เศรษฐกิจ โดยมีโครงการร่วมปลูกต้นไม้เศรษฐกิจ ภายใต้ “โครงการส่งเสริมปลูกไม้เศรษฐกิจเพื่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้  (อ.อ.ป.) โดยเข้าร่วมโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2564 -ปัจจุบัน กว่า 4 ปี ที่ร่วมสร้างแหล่งกักเก็บคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการปลูกไม้เศรษฐกิจ เช่น พะยูง, สัก, ยางนา และ ตะเคียนทอง ในพื้นที่กว่า 20 ไร่ ของสวนทรายงาม และยังสามารถสร้างมูลค่าในอนาคตจากการขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งช่วยเพิ่มความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสิ่งแวดล้อม

นับเป็นเวลาเกิน 10 ปีที่ “สวนทรายงาม” ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้แนวทางเกษตรอินทรีย์และการทำเกษตรแบบผสมผสานสามารถนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ไม่เพียงแค่ทำให้ธุรกิจเติบโต แต่ยังทำธุรกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้าน รวมถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ” นายศิวโรจน์ กล่าว